
SCN เปิดผลงานประจำไตรมาส 2/2566 ทุกไลน์ธุรกิจเติบโตแกร่ง คว้ากำไรรวม 55 ล้านบาท โตเพิ่ม 150% เผย SAP โตเพิ่ม 64% พร้อมยื่นไฟลิ่งปีนี้
วันที่ 15 สิงหาคม 2566 นายฤทธี กิจพิพิธ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สแกน อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCN เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2566 บริษัทสามารถทำกำไรรวมอยู่ที่ 55 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40% เทียบกับปีก่อนหน้า และ 150% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า โดยไม่รวมกำไร one-time ที่เกิดจากขายเงินลงทุนในบริษัท เครือข่ายก๊าซ ไทย-ญี่ปุ่น จำกัด (TJN) ในไตรมาส 1 ปี 2565 รวมถึงการตัดจำหน่ายโครงการที่เป็น Nonperform ของบริษัท
- MOTOR EXPO 2023 ยอดขายรถ 4 วันแรกทะลุ 8,300 คัน
- เช็กเงินช่วยเหลือชาวนาไร่ละ 1,000 บาท เงินเข้าบัญชีวันนี้ 38 จังหวัด
- สพฐ.ประกาศหยุดเรียน 4-8 ธ.ค.ให้นักเรียน ม.ปลายเตรียมสอบ TGAT/TPAT
ทั้งนี้ปัจจัยในการสร้างกำไรการเติบโตไตรมาส 2/2566 ของบริษัท ได้แก่ ทุกไลน์ธุรกิจของบริษัทมีผลงานสดใสต่อเนื่อง โดยเฉพาะธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับผลิตภัณฑ์ก๊าซธรรมชาติ ได้อานิสงส์บวกจากปริมาณความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติ อีกทั้งธุรกิจพลังงานหมุนเวียนที่ได้ผลบวกจากการจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) จากสัญญาซื้อขายไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ภาคเอกชนเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า รวมทั้งพัฒนาการอย่างต่อเนื่องของบริษัท เครือข่ายก๊าซ ไทย-ญี่ปุ่น จำกัด (TJN) หลังจากจับมือกับบริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่จากประเทศญี่ปุ่น

โดยไตรมาส 2 ของปี 2566 ทำกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ปรับโครงสร้างบริษัทใหม่ และนอกจากนี้บริษัทยังได้กำไรจากการซ่อมบำรุงรถโดยสารปรับอากาศ NGV จำนวน 489 คัน ของ ขสมก. เพิ่มสูงขึ้น จากค่าซ่อมบำรุงต่อวันที่เพิ่มขึ้น ตามระยะเวลาของสัญญา
“กลางปีนี้ SCN ได้ประกาศก้าวขึ้นเป็นเบอร์ 1 ของผู้นำขนส่งก๊าซในประเทศไทย เนื่องจากบริษัทคว้าชัยชนะในการยื่นประมูลงานจัดหาผู้รับจ้างขนส่งก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (NGV) รวมระยะเวลา 2 ปี มูลค่ารวมกว่า 500 ล้านบาท ทำให้บริษัทได้พื้นที่ขนส่งเพิ่ม จากเดิม 2 เขต เป็น 6 เขต คือ ลาดหลุมแก้ว ลำลูกกา สามโคก (2 เขต) เชียงรากน้อย และกิ่งแก้ว รวมปริมาณการขนส่งเพิ่มขึ้นเป็น 7 แสนกิโลกรัมต่อวัน เมื่อรวมปริมาณงานขนส่งกลุ่มอุตสาหกรรม
ทำให้ปัจจุบันบริษัทกลายเป็นเจ้าแห่งผู้ขนส่งก๊าซธรรมชาติ สูงสุดล้านกิโลกรัมต่อวัน ซึ่งมีปริมาณมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งความสำเร็จดังกล่าว ตอกย้ำให้เห็นถึงศักยภาพการเป็นผู้นำและความเชี่ยวชาญในธุรกิจขนส่งก๊าซธรรมชาติของบริษัท” นายฤทธีกล่าว
ในส่วนของบริษัท สแกน แอดวานซ์ เพาเวอร์ จำกัด (SAP) ยังเติบโตเพิ่ม 64% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นผลมาจากการจำหน่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ COD เพิ่มอีก 4 โครงการ ทำให้ปัจจุบัน COD ไปแล้วรวม 27 โครงการ กำลังการผลิตรวมกว่า 18 เมกะวัตต์ จากกำลังการผลิตในมือทั้งหมดกว่า 21 เมกะวัตต์ นอกจากนี้ SCN ยังได้รับกำไรเพิ่มขึ้นจากการเพิ่มสัดส่วนการลงทุนใน SAP ประมาณ 10% ในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้เมื่อสรุปภาพรวมรายได้จากการขายและบริการในไตรมาส 2/2566 บริษัทจะอยู่ที่ 516 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 51% เทียบกับปีก่อนหน้า
นายฤทธีกล่าวว่า ส่วนรายได้จำแนกตามประเภทธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับผลิตภัณฑ์ก๊าซธรรมชาติ รายได้อยู่ที่ 250 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 22% เทียบกับปีก่อนหน้า), ธุรกิจจำหน่ายรถยนต์ อะไหล่ และรถโดยสารปรับอากาศ รายได้อยู่ที่ 52 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 24% เทียบกับปีก่อนหน้า), ธุรกิจพลังงานหมุนเวียน รายได้อยู่ที่ 127 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 112 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 738% เทียบกับปีก่อนหน้า) และธุรกิจขนส่งและอื่น ๆ รายได้อยู่ที่ 87 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 12% เทียบกับปีก่อนหน้า)
“ทั้งนี้จากความคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจ บริษัทมั่นใจในแผนการดำเนินงานภายในปีนี้ที่จะสดใสและเป็นไปตามเป้า โดยมีความพร้อมที่จะนำบริษัท สแกน แอดวานซ์ เพาเวอร์ จำกัด (SAP) ยื่นคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์ (Filing) เพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอภายในปีนี้อย่างแน่นอน” นายฤทธีกล่าว