กบน.ใช้เงินกู้ลอตแรก 5.5 หมื่นล้านหมดแล้ว ราคาดีเซลโลกพุ่ง จ่อกู้เพิ่มตรึงดีเซล 30 บาท

น้ำมันดีเซล

กบน.ใช้เงินกู้ลอตแรก 5.5 หมื่นล้านหมดแล้ว ราคาดีเซลโลกยังทะยานทะลุ 120 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จ่อกู้เพิ่มตรึงดีเซล 30 บาท/ลิตร รับมือกรณีฉุกเฉิน หากราคาน้ำมันปลายปีผันผวนหนัก กองทุนติดลบ 6.4 หมื่นล้าน

วันที่ 2 ตุลาคม 2566 รายงานข่าวจากสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) กล่าวยอมรับว่าขณะนี้กองทุนได้ใช้วงเงินกู้ 5.5 หมื่นล้านบาท ที่บรรจุเป็นหนี้สาธารณะหมดแล้วสำหรับอุดหนุนราคาดีเซลที่ประมาณ 6-7.30 บาทต่อลิตร เพิ่มขึ้นจากเดิมอุดหนุนประมาณ 5 บาทต่อลิตร เพื่อตรึงราคาขายปลีกดีเซลในประเทศไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร

ซึ่งหากราคาน้ำมันดีเซลยังผันผวนอยู่ในระดับสูงเช่นนี้ ก็มีความจำเป็นที่ต้องใช้วงเงินอุดหนุนเพิ่มเติมในส่วนที่เหลืออีกประมาณ 5.5 หมื่นล้านบาท จากเงินกู้ก้อนแรก 1.1 แสนล้านบาท ซึ่งน่าจะเพียงพอในการดูแลราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล ภายใต้กรอบวงเงินกู้ทั้งสิ้น 1.5 แสนล้านบาท

“ขณะนี้กองทุนใช้เงินกู้ก้อนสุดท้าย 5,000 ล้านบาท จากเงินกู้ก้อนแรก 55,000 ล้านบาท เพื่อตรึงราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตรตามนโยบายรัฐบาล แม้ราคาน้ำมันดีเซลจริงควรจะมากกว่า 32 บาทต่อลิตรก็ตาม ซึ่งหากราคาน้ำมันสูงไปมากกว่านี้อีก ถือว่าฉุกเฉินแล้ว กองทุนอาจต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ใหม่ เพื่อรับทราบสถานการณ์ความเป็นจริง เพราะกองทุนใช้เงินกู้เต็มเพดานแล้ว”

โดยปัจจุบันราคาน้ำมันดีเซลสำเร็จรูปตลาดโลกผันผวนมาก ปรับตัวสูงขึ้นไปอยู่ที่ประมาณ 120-125 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งถือว่าสูงมาก และสูงเกินกว่าที่คาดไว้ว่าจะเคลื่อนไหวอยู่ที่ประมาณ 115 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เพราะตลาดกังวลจากกรณีซาอุดีอาระเบียและรัสเซียจะลดกำลังการผลิตลง

อย่างไรก็ตาม กองทุนต้องใช้เงินอุดหนุนราคาน้ำมันและก๊าซหุ้งต้ม (แอลพีจี) ทำให้มีเงินไหลออกประมาณ 369 ล้านบาทต่อเดือน ส่งผลให้สถานะกองทุนล่าสุด ณ วันที่ 24 ก.ย. 2566 ติดลบ 64,419 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีน้ำมันติดลบ 19,570 ล้านบาท บัญชีก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ติดลบ 44,849 ล้านบาท