นายกฯ หนุนศุลกากรหนองคาย One Stop Service ดันส่งออกชายแดน-จีน

นายกเศรษฐา ศุลกากรหนองคาย

นายกรัฐมนตรี เดินหน้าทำด่านศุลกากรหนองคาย เป็น One Stop Service รองรับส่งออกตลาดจีน หนุนท่องเที่ยวทุกจังหวัด ด้านภูมิธรรมดูความพร้อมเปิดจุดผ่อนปรนบ้านหม้อ เพื่อประโยชน์ 2 ฝ่าย เล็งชงนายกฯคุยระดับบริหารให้คืบหน้าเร็วขึ้น

วันที่ 30 ตุลาคม 2566 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวระหว่างเป็นประธานการประชุมติดตามประเด็นปัญหาการส่งออก ขั้นตอนพิธีศุลกากร การค้าชายแดน และการพัฒนา One Stop Service ระหว่างราชอาณาจักรไทย สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และสาธารณรัฐประชาชนจีน ณ สำนักงานศุลกากร จังหวัดหนองคาย เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา

นายเศรษฐาระบุว่า ตนต้องการให้จังหวัดได้พัฒนาระบบโลจิสติกส์ เพื่อแก้ไขปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ เพื่อผลักดันศูนย์ให้บริการเบ็ดเสร็จ (One Stop Service : OSS) ทำให้การบริการภาครัฐรวมอยู่ในระบบเดียว และมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ทั้งนี้ เพื่อรองรับความต้องการและส่งออกสินค้าไปยังประเทศจีน หากจังหวัดหนองคายดำเนินการเป็นจังหวัดแรก ที่รวมบริการทั้งหมด เพื่อขยายตัวอย่างไปจังหวัดต่าง ๆ จากนี้ก็ต้องการให้ไป workshop กับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เพื่อทำให้การขนถ่ายสินค้าง่ายขึ้น

“หากทำการค้าขายแล้วไม่มีความสะดวกและรัฐไม่สนับสนุนก็จะเกิดอุปสรรค อยากให้กรมศุลกากร ตรงจุดนี้ทำเป็นสถานที่แรก หากติดขัดตรงไหนให้บอก เพราะมองว่าหากลงทุนค้าขายจำนวนมากแล้วทำไม่ได้ ไม่สามารถผ่านไปได้ก็เหนื่อย”

นายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า ไทย-จีนมีความสัมพันธ์ที่ดี ซึ่งจากการพูดคุยหารือนักลงทุนประเทศจีนมีความสนใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก พร้อมทั้งสินค้าเกษตร ขอให้หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องเร่งประสานงานให้เกิดความร่วมมือ นำนักลงทุนมาลงทุนในประเทศไทยให้เกิดผลเป็นรูปธรรม

Advertisment

พร้อมกันนี้ กระทรวงวัฒนธรรมขับเคลื่อน Soft Power ควบคู่กับกระทรวงพาณิชย์ ที่จะเชิญทูตพาณิชย์แต่ละประเทศมาเวิร์กช็อปในเดือนหน้า เพื่อเฟ้นหาสินค้าที่ชนะเลิศ หรือ champion product ของแต่ละจังหวัด แต่ละอำเภอ เพื่อจะนำไปขายต่อให้กับขาวโลกได้ พร้อมเร่งทำการค้าขายในเชิงรุก

รวมถึงกระทรวงการต่างประเทศก็จะมีการประชุมทูตานุทูตไทยประจำแต่ละประเทศเพื่อหารือในเรื่องนี้เช่นกัน เผื่อหาช่องทางดึงดูดนำนักธุรกิจเข้ามาลงทุนในประเทศและสินค้าไทยออกไปขายต่างประเทศด้วย

Advertisment

ด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าวว่า การค้าชายแดนเป็นสิ่งที่นายกฯและตนให้ความสำคัญ และตนได้มาลงพื้นที่จุดผ่อนปรนบ้านหม้อ พร้อมกับประชุมร่วมกับนายกฯ เพื่อผลักดันศูนย์ให้บริการเบ็ดเสร็จ (One Stop Service :OSS) ที่จังหวัดหนองคาย ซึ่งต้องการให้เร่งดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม แม้จะเปิดทันทีไม่ได้ แต่ก็ขอให้เห็นว่าได้เริ่มหากเจอปัญหาก็จะได้แก้ไข

สำหรับการดูจุดผ่อนปรน จังหวัดหนองคายมีด่านชายแดนริมโขงอยู่ 4 จุด เวลานี้ค่อนข้างแออัด ซึ่งหลังจากโควิดลดลงก็สามารถเปิดได้บางด่าน แต่ยังไม่ได้เปิดทุกจุด

ด่านที่ศรีเชียงใหม่ เมื่อก่อนมีประชาชน 2 ฝั่ง มีการเคลื่อนย้ายไปมา มีสินค้าไทยเครื่องอุปโภคบริโภคเป็นที่ต้องการ เนื่องจากตรงข้ามกับนครหลวงเวียงจันทน์ โดยมีมูลค่าการค้าประมาณ 400-500 ล้านบาท และประเทศไทยเป็นฝ่ายได้ดุลการค้ามาโดยตลอด ซึ่งทางเวียงจันทน์เห็นว่าหากทำแบบเดิมจะทำให้เสียดุลต่อเนื่องจึงอยากให้มีการหาช่องทางปรับทำให้ได้ประโยชน์ร่วมกันมากขึ้น

อย่างไรก็ดี ตนได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปศึกษารายละเอียด แต่เท่าที่ทราบ คือ ความสมดุลของทั้งสองฝ่ายเขาควรจะได้ด้วยกัน และการเดินทางข้ามประเทศที่สะดวก ซึ่งได้พิจารณาดูแล้วว่าสามารถข้ามไปได้ โดยทางจังหวัดหนองคายเดิมก็มีการข้ามไปมาอยู่แล้ว

แต่มีปัญหาติดขัดในเรื่องของระบบโลจิสติกส์การขนส่งที่ยังไม่เพียงพอ การขนส่งสินค้ายังติดขัดหลายชั่วโมง ต้องไปหาหนทาง หากเป็นเรื่องโครงสร้างสะพานอาจเป็นเรื่องใหญ่ ต้องหาช่องทางที่ปรับให้เหมาะสม เช่นท่าเรือ ซึ่งอาจจะไม่แพงเกินไป สามารถข้ามไปฝั่ง สปป.ลาวได้ หรืออาจเป็นแพขนานยนต์ เป็นเรื่องที่มอบให้ในพื้นที่ประสานงาน เพราะรู้ปัญหาในพื้นที่อยู่แล้ว รู้ถึงความจำเป็น

โดยจะมีการนำไปหาหรือใน ครม. หารือกับกระทรวงการท่องเที่ยวฯ และหารือกับกระทรวงต่างประเทศ รวมถึงกระทรวงคมนาคม หากหลายส่วนร่วมมือกันเชื่อว่าจุดผ่อนปรนนี้จะสะดวกยิ่งขึ้น จะยิ่งสร้างมูลค่าได้มากกว่า 400-500 ร้อยล้าน เวลานี้กระทรวงพาณิชย์ถือว่ามีภารกิจที่จะขยายช่องทางการค้าด้วยการค้าชายแดนให้มากขึ้น พยายามเปิดจุดผ่อนปรน ทุกจุด แต่ก็ต้องคำนึงถึงความต้องการของทั้งสองฝ่าย

เมื่อกลับไปจะไปดูอีกครั้งหนึ่ง โดยจะหาเวลารายงานสถานการณ์กับนายกรัฐมนตรีว่าติดขัดมีส่วนใด และให้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้เจรจาในระดับบริหาร ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้การเปิดจุดผ่อนปรนต่าง ๆ ทำได้เร็วขึ้น และกระทรวงพาณิชย์จะมีการประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะมีการจัดประชุมเร็ว ๆ นี้ โดยการค้าชายแดนยังถือว่าเป็นช่องทางในการสร้างรายได้หลักเข้าประเทศ