ราคาน้ำมันดิบ (3 พ.ย.) ปรับเพิ่ม ขานรับ FED คงอัตราดอกเบี้ย

ราคาน้ำมันดิบ
REUTERS/Bing Guan

ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้นกว่า 2% ขานรับ FED คงอัตราดอกเบี้ย

วันที่ 3 พฤศจิกายน 2566 หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน บมจ.ไทยออยล์ระบุว่า ปัจจัยที่ส่งผลกระทบดังนี้ ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้นกว่า 2% ตามสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังธนาคารกลางสหรัฐ (FED) คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา และตลาดคาดจากถ้อยแถลงของประธาน FED ว่าอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นใกล้สิ้นสุดแล้ว ส่งผลให้มีแรงซื้อกลับเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยงอีกครั้ง

โดยราคาน้ำมันเวสต์เทกซัสซื้อขายเมื่อ 2 พ.ย. 2566 อยู่ที่ 82.46 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น +2.02 เหรียญสหรัฐ และราคาน้ำมันเบรนต์อยู่ที่ 86.85 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น +2.22 เหรียญสหรัฐ

ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 5.25% ในการประชุมวานนี้ ซึ่งนับเป็นการคงอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งติดต่อกัน สอดคล้องกับ FED

ตลาดยังคงจับตาสถานการณ์ระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสที่มีแนวโน้มดีขึ้น แต่ยังคงมีความไม่แน่นอนสูงและอาจจะประทุขึ้น โดยล่าสุดเกิดความรุนแรงขึ้นอีกครั้งในพื้นที่ฉนวนกาซา หลังอิสราเอลเข้าจู่โจมกลุ่มฮามาสทางภาคพื้นดิน

ซาอุดีอาระเบียคาดจะประกาศคงนโยบายในการปรับลดกำลังการผลิตส่วนเพิ่มที่ 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน จนถึงสิ้นปีนี้ สำหรับการปรับลดในปีหน้าคาดจะมีการพูดคุยกันอีกครั้งในการประชุมโอเปกปลายเดือนนี้

ราคาน้ำมันเบนซิน

ราคาน้ำมันเบนซินปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ ตามตลาดน้ำมันเบนซินสหรัฐ ที่ชะลอตัวลง นอกจากนี้ ราคายังได้รับแรงกดดันจากปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังสิงคโปร์ที่ปรับเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์

ราคาน้ำมันดีเซล

ราคาน้ำมันดีเซลปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับแรงหนุนจากการส่งออกไปยุโรปที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ราคายังได้รับแรงกดดันจากอุปทานที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากอินเดีย เกาหลี และเวียดนาม รวมถึงปริมาณน้ำมันดีเซลคงคลังสิงคโปร์ที่ปรับเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์