“แจ็ก หม่า” เจาะฐานลูกค้าอาเซียน ปฏิวัติอุตสาหกรรม-การค้าออนไลน์

ปรากฏการณ์ “แจ็ก หม่า” คลิก “อาลีบาบา” ในประเทศไทย เมื่อ 19 เม.ย. 2561 คือหน้าหนึ่งของประวัติศาสตร์การปฏิวัติอุตสาหกรรม-การค้าออนไลน์ในประเทศไทย เจ้าพ่ออีคอมเมิร์ซระดับโลกประกาศลงทุน 1.1 หมื่นล้านบาท ปักหมุดร่วมพัฒนาผู้ประกอบการรายเล็กของประเทศสู่ตลาดโลกแบบไร้พรมแดน

“แจ็ก หม่า” ร่วมแถลงข่าวกับรัฐบาลไทยพร้อมกับเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนซักถามดังนี้

Q : อาลีบาบาถูกมองว่าจะผูกขาดตลาดออนไลน์และกินรวบสินค้าไทย

อาลีบาบาไม่ได้มาเพื่อผูกขาดทางการค้าของไทย แต่จะเข้ามาเพื่อพัฒนาร่วมมือกัน มั่นใจจะเกิด 3 win ทั้ง win ของประชาชน win ของประเทศไทย และ win ของอาลีบาบา โดยตลอด 10 ปีที่ผ่านมา อาลีบาบาได้รับการสนับสนุนจากภาคเกษตร ตอนนี้เรามาดูว่าจะช่วยเกษตรกรรุ่นใหม่อย่างไร คนอาจห่วงว่าเราเข้ามาแย่งงาน เราไม่สนใจเพราะเป้าหมายคือเน้นสร้างความสามารถให้กับคนรุ่นใหม่ หากสำเร็จเราก็จะประสบความสำเร็จไปด้วยกัน

Q :ลงทุนไทย-มาเลเซียต่างอย่างไร

ไทยมีศักยภาพไม่เหมือนใคร มีทรัพยากร แหล่งท่องเที่ยวที่ชาวจีนเข้ามาถึง 10 ล้านคน/ปี หากทำให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยโดยใช้ดิจิทัลมาช่วย แนวโน้มนักท่องเที่ยวจีนจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่สินค้าผลผลิตทางการเกษตรของไทยสามารถส่งออกไปขายจีนเพื่อตอบสนองความต้องการซึ่งเป็นชนชั้นกลางของจีนราว 300 ล้านคน และกำลังเพิ่มขึ้นอีกหลายร้อยล้านคนในอนาคตเราจึงต้องการสินค้าจากไทย เช่น ข้าว ขณะเดียวกันเราต้องการพัฒนาบุคลากรของไทยด้านอีคอมเมิร์ซ อนาคตจึงมีแผนที่จะเปิดหลักสูตรจากสถาบันของจีนเพื่ออบรม SMEs ธุรกิจขนาดเล็กในไทย ส่วนมาเลเซียเขาก็มีจุดแข็งเพราะเป็นประเทศนำร่อง กำลังพัฒนาเทคโนโลยี อินเทอร์เน็ต ที่นั่นจึงเป็นอีกประเทศที่ลงทุนด้านดิจิทัล แต่ไม่มีความร่วมมือด้านการพัฒนาอะไรร่วมกันเหมือนไทย

Q : จีนเปิดเสรีมีผลต่อเศรษฐกิจไทย

เรามีข้อมูลการค้าและสามารถนำดาต้ามาช่วยเรื่องการค้าออนไลน์ได้มาก และเราไม่ได้ต้องการสิทธิประโยชน์อะไร ขอแค่รัฐบาลไทยมีความมุ่งมั่น วิสัยทัศน์และมีความกล้าหาญ สิทธิประโยชน์ไม่ว่าเรื่องอะไรรัฐบาลไทยควรไปช่วยสนับสนุนกับรายเล็ก ๆ ของไทย ไม่ใช่รายใหญ่อย่างเรา เนื่องจากเราเป็นประเทศที่อยู่ในเอเชีย เราก็มุ่งลงทุนและพัฒนาตลาดเอเชียก่อน เพราะหากเปิดตลาดในเอเชียไม่ได้ก็คงไม่สามารถไปเปิดตลาดในประเทศอื่นได้

Q : สงครามการค้าจะส่งผลอย่างไร

เราไม่ชอบสงครามการค้า เราพยายามปรับโดยทำการค้าแบบครอบคลุม โดยใช้ Electronic World Trade Platform (eWTP) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มของอาลีบาบาเองมาใช้กับโครงการความร่วมมือในประเทศที่ลงทุน เราเองไม่ต้องการทำสงครามทางการค้าไม่ว่ากับประเทศไหน เพราะเชื่อในการค้าเสรี ซึ่งทำให้ทุกคนสามารถค้าขายกันได้ทั่วโลก

อาลีบาบามีเป้าหมายที่จะทำให้โลกเกิดความสมดุล เท่าเทียม และเป็นธรรม ในที่สุดการค้าจะช่วยแก้ปัญหาการเมืองได้ เราต้องการสร้างฐานข้อมูลด้านการค้าระบบออนไลน์ในกลุ่มประเทศอาเซียนให้เกิดขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อนำไปสู่การปฏิวัติอุตสาหกรรม

Q : ยุทธศาสตร์อาลีบาบาในอาเซียน

อาลีบาบามีนโยบายลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านอีคอมเมิร์ซ โลจิสติกส์ เน้นไปยังประเทศที่มีประชากรคนรุ่นใหม่และผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมจำนวนมาก ประเทศที่เทคโนโลยีกำลังเติบโตคือความหวังของเรา ในกว่า 200 ประเทศทั่วโลกเราเลือกประเทศที่เชื่อในยุทธศาสตร์ของเรา ซึ่งทั้งไทยและมาเลเซียมีวิสัยทัศน์ตรงกันกับเรา เช่นเดียวกันกับกลุ่มประเทศในอาเซียนเมื่อรัฐบาลสนใจที่จะลงทุนพัฒนาอะไรก็จะมุ่งให้ความสำคัญทุ่มเทกับสิ่งนั้น ต่างจากยุโรปเราเกิดในเอเชียต้องประสบความสำเร็จในเอเชียก่อน ไม่งั้นจะยากในการทำธุรกิจในสหรัฐหรือยุโรป

Q : เงินลงทุนทั้งหมดในประเทศไทย

เราตื่นเต้นกับนโยบาย 4.0 Smart Digital Hub และอีอีซีของไทย ส่วนเรื่องของเม็ดเงินลงทุนไม่ใช่ประเด็นสำคัญเพราะเป้าหมายคือการเข้ามาพัฒนา เรื่องการเงินจะมีผู้บริหารที่ชื่อแดเนียล ดูแล หากเป็นการลงทุนมูลค่าน้อยกว่า3,000 ล้านสหรัฐ ผมจะไม่ทราบ