บทสรุปพาณิชย์ถกผู้ค้าน้ำมัน พบปัญหาเติมไม่เต็มลิตร 2 ครั้ง สั่งหยุดจ่ายทันที

วัฒนศักย์ เสือเอี่ยม

กรมการค้าภายใน หารือผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 พร้อมตกลงร่วมกัน ตั้งค่าหัวจ่ายน้ำมันให้มากกว่า 0 ป้องกันเติมน้ำมันแล้วปริมาณขาด เพื่อดูแลผู้บริโภค และให้มีการรายงานหัวจ่ายทุกเดือน ถ้าพบจ่ายขาดติดต่อกัน 2 ครั้ง ก็จะสั่งหยุดใช้หัวจ่าย ต้องแก้ไข และตรวจรับรองใหม่

วันที่ 25 ธันวาคม 2566 นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับผู้ค้าน้ำมันทั้งหมด ได้แก่ ปตท. (PTT) บางจาก (BCP) พีที (PT) เอสโซ่ (ESSO) ทีพีไอ (TPI) ซัสโก้ (SUSCO) เชลล์ (SHELL) คาลเท็กซ์ (CALTEX) และ พี โอ ออยล์ (PO OIL) ถึงกรณีที่มีประชาชนไปเติมน้ำมันแล้วไม่ได้รับน้ำมันครบถ้วนตามปริมาณนั้น

ว่า กรมได้เชิญผู้ประกอบการค้าน้ำมันตามมาตรา 7 ทุกราย ดูแลความเที่ยงตรงถูกต้องของปริมาณน้ำมัน และเพิ่มความเข้มข้นในการตรวจสอบดูแล และทบทวนอัตราเผื่อเหลือเผื่อขาดสำหรับการตรวจสอบหัวจ่ายน้ำมัน เพื่อให้เป็นธรรมกับประชาชนมากที่สุด

พร้อมกันนี้ ยังมีมติให้ผู้ค้าน้ำมันตรวจสอบหัวจ่ายน้ำมันทุกหัวจ่าย และรายงานผลให้กรม ทราบทุกเดือน และถ้าพบหัวจ่ายใดที่จ่ายน้ำมันคลาดเคลื่อนติดลบเกิน 0.5% ติดต่อกัน แต่ไม่เกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด ผู้ค้าน้ำมันต้องแจ้งต่อกรม ให้ไปตรวจสอบและต้องดำเนินการแก้ไขให้ถูกต้องโดยเร็ว ซึ่งผู้ค้าน้ำมันยินดีให้ความร่วมมือ และรับที่จะจัดชุดสายตรวจไปตรวจสอบหัวจ่ายสถานีบริการน้ำมันทันที โดยไม่มีการแจ้งให้ทราบล่วงหน้า เพื่อสร้างความมั่นใจและรักษาสิทธิของผู้บริโภคต่อไปโดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

ทั้งนี้ เดิมในการตรวจสอบรับรองหัวจ่ายน้ำมัน จะมีการตรวจทุก 2 ปี และมีการตั้งค่าอยู่ที่ 0 และในระหว่าง 2 ปี จะมีการตรวจสอบหัวจ่ายเป็นประจำ ตามรอบที่กำหนด และตรวจพิเศษในช่วงเทศกาล แต่จากนี้ จะมีการตั้งค่าให้บวกขึ้นจาก 0 มานิดนึง จากนั้นจะมีการตรวจสอบซ้ำ หากตรวจแล้ว จ่ายน้ำมันเกิน ก็ถือว่าปกติ แต่ถ้าจ่ายน้ำมันขาด ติดต่อกัน 2 ครั้ง แม้จะอยู่ในค่ามาตรฐาน บวกลบไม่เกิน 1% ก็จะสั่งให้หยุดการใช้หัวจ่าย ต้องปรับปรุงให้ถูกต้อง และต้องตรวจรับรองใหม่

“ที่ผ่านมา ในการตรวจรับรองหัวจ่ายน้ำมัน จะมีการตั้งค่าไว้ที่ 0 และมีการซีลหัวจ่าย ผู้ค้าน้ำมันไม่สามารถแกะออกได้ ถ้าชำรุด หรือแกะออก จะมีความผิด แต่ตู้หัวจ่าย เป็นเครื่องจักร แม้ตอนไปตรวจ พบว่า จ่ายน้ำมันเต็ม ไม่มีขาด แต่พอใช้ไปนาน ๆ อาจจะมีความเสื่อมของเครื่องจักร ทำให้จ่ายน้ำมันได้ขาดไปบ้าง และที่ขาดไป ก็ไม่ได้ลดกว่าอัตราเผื่อเหลือเผื่อขาด ตามที่กฎหมายกำหนด แต่หลังจากคุยกันครั้งนี้แล้ว ผู้ประกอบการยินดีที่จะตั้งค่าให้เกินกว่า 0 เพื่อไม่ให้มีปัญหาเกิดขึ้นอีก” นายวัฒนศักย์กล่าว

ทางด้านหลักเกณฑ์ค่าความคลาดเคลื่อนที่สามารถยอมรับได้ตามกฎหมาย ตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดชนิด และลักษณะของมาตรวัดของเหลว รายละเอียดของวัสดุที่ใช้ผลิต อัตราเผื่อเหลือเผื่อขาด และอายุคำรับรอง ที่กำหนดไว้ที่บวกลบไม่เกิน 1% นั้น จะมีการพิจารณาว่าควรจะปรับอัตราเผื่อเหลือเผื่อขาดหรือไม่ ซึ่งคณะกรรมการชั่งตวงวัด ที่มีปลัดกระทรวงพาณิชย์เป็นประธาน จะมีการพิจารณาก่อน

ตรวจสอบปั๊มน้ำมัน

ส่วนการตรวจสอบตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2566 ถึงปัจจุบัน ได้ตรวจสอบสถานีบริการน้ำมันแล้ว ประมาณ 14,000 แห่ง กว่า 180,000 หัวจ่าย พบว่าไม่ถูกต้องตามกฎหมาย จำนวน 34 สถานี 281 หัวจ่าย ในจำนวนนี้เป็นกรณีที่ใช้หัวจ่ายน้ำมันที่สิ้นอายุเครื่องหมายคำรับรอง จำนวน 15 สถานี จำนวน 241 หัวจ่าย เป็นกรณีที่หัวจ่ายน้ำมันคลาดเคลื่อนเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด (ร้อยละ 1) จำนวน 19 สถานี จำนวน 40 หัวจ่าย และเป็นการจ่ายน้ำมันเกินกว่าปริมาณที่ควรจะเป็น (คลาดเคลื่อนในด้านบวก) 14 สถานี 29 หัวจ่าย คิดเป็นร้อยละ 0.016 ของหัวจ่ายที่ตรวจสอบทั้งหมด

และเป็นการจ่ายน้ำมันขาดจากปริมาณที่ควรจะเป็น (คลาดเคลื่อนในด้านลบ) 5 สถานี 11 หัวจ่าย คิดเป็นร้อยละ 0.006 ของหัวจ่ายที่ตรวจสอบทั้งหมด ซึ่งกรมได้ดำเนินการผูกบัตรห้ามใช้ เพื่อไม่ให้สามารถใช้หัวจ่ายที่คลาดเคลื่อนนั้นต่อไปได้จนกว่าจะดำเนินการแก้ไขให้ถูกต้องและเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบให้คำรับรองใหม่แล้ว ส่วนกรณีที่เป็นการจ่ายน้ำมันขาดหรือคลาดเคลื่อนในด้านลบเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด ได้ดำเนินคดีแล้วทุกราย

โทษจ่ายน้ำมันคลาดเคลื่อน

สำหรับโทษสำหรับสถานีบริการใดที่ถูกตรวจพบว่ากระทำความผิดตามกฎหมาย หัวจ่ายคลาดเคลื่อนเกินอัตราเผื่อเหลือเผื่อขาด หรือเครื่องหมายคำรับรองสิ้นอายุ มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

กรณีพบว่ามีการแก้ไขดัดแปลงหัวจ่ายจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี และปรับไม่เกิน 280,000 บาท
นอกจากนี้ กรมยังขอให้ผู้ค้าน้ำมันทุกรายกำหนดมาตรการลงโทษสถานีบริการน้ำมันที่ทำผิด ตามเงื่อนไขทางการค้า หรือตามเงื่อนไขการจ้างงานอีกด้วย

แนะนำใช้บริการ

แนะนำให้ประชาชนผู้รับบริการ

1) สังเกตป้ายราคาน้ำมันต่อลิตรที่ระบุหน้าสถานีบริการน้ำมันตรงกับตู้จ่ายน้ำมันหรือไม่
2) ตู้จ่ายน้ำมันตามสถานีบริการต้องมีสติ๊กเกอร์วงกลมของกรมการค้าภายใน (มีรูปครุฑสีแดง /ระบุว่าตรวจสอบแล้ว/แสดงปี พ.ศ. ปัจจุบันอยู่ด้านล่าง) หากมีสติ๊กเกอร์ดังกล่าวติดอยู่แสดงว่าได้มีการตรวจสอบแล้ว
3) ก่อนเติมยอดขายและจำนวนลิตร ต้องเป็นเลขศูนย์
4) เมื่อเติมเสร็จให้ดูยอดขายและจำนวนลิตรให้ถูกต้อง หากประชาชนไม่ได้รับความเป็นธรรมในการซื้อสินค้าและบริการ สามารถร้องเรียนได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน โทร. 1569 หรือทางไลน์ @MR.DIT