นโยบาย Soft Power หนุนตั้งธุรกิจใหม่ 11 เดือน 2566 พุ่ง 81,291 ราย

จดทะเบียนนิติบุคคลออนไลน์
แฟ้มภาพ

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เผยการจดทะเบียนธุรกิจจัดตั้งใหม่ พฤศจิกายน 2566 เพิ่มขึ้น 3.57% ส่วน 11 เดือนแรกของปี 2566 เพิ่มขึ้น 12.16% แรงหนุนจากการท่องเที่ยว การสนับสนุน Soft Power ของรัฐบาล คาดทั้งปี 2566 จะมีการจดทะเบียน 86,000 ราย

วันที่ 26 ธันวาคม 2566 นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยตัวเลขจดทะเบียนธุรกิจจัดตั้งใหม่เดือนพฤศจิกายน 2566 พบว่ามีผู้ประกอบธุรกิจยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนบริษัทใหม่ทั่วประเทศจำนวน 5,979 ราย เพิ่มขึ้น 3.57% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีมูลค่าทุนจดทะเบียนจำนวน 25,272.84 ล้านบาท ปัจจัยที่สนับสนุนจาก ภาคการท่องเที่ยวเป็นหลัก โดยเฉพาะการสนับสนุน Soft Power ของรัฐบาล และนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยว อย่างไรก็ดี ทั้งปี 2566 คาดว่าการจดทะเบียนธุรกิจอยู่ที่ประมาณ 84,000-86,000 ราย และมีมูลค่าทุนจดทะเบียนจัดตั้งอยู่ที่ประมาณ 550,000-600,000 ล้านบาท

ประเภทธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จำนวน 490 ราย คิดเป็น 8.20% ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไปจำนวน 436 ราย คิดเป็น 7.29% รองลงมา และอันดับ 3 คือธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหารจำนวน 267 ราย คิดเป็น 4.46%

ขณะที่จำนวนธุรกิจจัดตั้งใหม่ มีผู้ประกอบธุรกิจยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนบริษัทใหม่ทั่วประเทศ 11 เดือนแรกของปี (มกราคม-พฤศจิกายน 2566) จำนวน 81,291 ราย เพิ่มขึ้น 12.16% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีมูลค่าทุนจดทะเบียนจำนวน 546,855.90 ล้านบาท

ประเภทธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไปจำนวน 6,226 ราย คิดเป็น 7.66% ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จำนวน 6,047 ราย คิดเป็น 7.44% รองลงมา และอันดับ 3 คือธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหารจำนวน 3,841 ราย คิดเป็น 4.73%

ธุรกิจเลิก

ส่วนธุรกิจเลิกประกอบกิจการเดือนพฤศจิกายน 2566 มีจำนวน 2,608 ราย ลดลง 2.83% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีมูลค่าทุนจดทะเบียนจำนวน 17,374.03 ล้านบาท ประเภทธุรกิจเลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไปจำนวน 194 ราย คิดเป็น 7.44% รองลงมาคือธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จำนวน 131 ราย คิดเป็น 5.02% และธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหารจำนวน 80 ราย คิดเป็น 3.34%

ขณะที่ธุรกิจเลิกประกอบกิจการ 11 เดือนแรกของปี (มกราคม-พฤศจิกายน 2566) มีจำนวน 17,858 ราย โดยมีมูลค่าทุนจดทะเบียนจำนวน 107,728.90 ล้านบาท  ประเภทธุรกิจเลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 1,680 ราย คิดเป็น 9.41% รองลงมา คือธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จำนวน 915 ราย คิดเป็น 5.12% และธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหารจำนวน 511 ราย คิดเป็น 2.86%

ธุรกิจประกอบการทั่วประเทศ

ธุรกิจดำเนินกิจการอยู่ทั้งสิ้นทั่วประเทศ ณ 30 พฤศจิกายน 2566 มีจำนวน 892,001 ราย มูลค่าทุน 21.74 ล้านล้านบาท จำแนกเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด/ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลจำนวน 199,973 ราย คิดเป็น 22.42% บริษัทจำกัดจำนวน 690,585 ราย คิดเป็น 77.42% และบริษัทมหาชนจำกัด จำนวน 1,443 ราย คิดเป็น 0.16%

ต่างชาติทำธุรกิจในไทย

การลงทุนประกอบธุรกิจในไทยภายใต้กฎหมายต่างด้าว เดือนพฤศจิกายน 2566 มีการอนุญาตให้คนต่างชาติประกอบธุรกิจทั้งสิ้นมีจำนวน 56 ราย แบ่งเป็นใบอนุญาตประกอบธุรกิจจำนวน 20 ราย และหนังสือรับรองประกอบธุรกิจจำนวน 36 ราย โดยมีเม็ดเงินลงทุนทั้งสิ้น 3,322 ล้านบาท

ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนตุลาคม 2566 จำนวนธุรกิจที่คนต่างชาติเข้ามาลงทุนลดลง 11% (ลดลง 7 ราย) ในขณะที่เงินลงทุนลดลง 70% (ลดลง 7,631 ล้านบาท)

นักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในไทยมากที่สุด ได้แก่ สิงคโปร์จำนวน 9 ราย เงินลงทุน 909 ล้านบาท รองลงมาได้แก่จีนจำนวน 9 ราย เงินลงทุน 282 ล้านบาท และสหรัฐอเมริกาจำนวน 7 ราย เงินลงทุน 224 ล้านบาท ตามลำดับ

ปี 2566 (มกราคม-พฤศจิกายน 2566) คนต่างชาติได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจ จำนวน 612 ราย มีเงินลงทุนทั้งสิ้น 98,288 ล้านบาท