
“ภัณฑิล” ให้การต้อนรับ ผอ.HKETO คนใหม่ ย้ำเดินหน้าเพิ่มความร่วมมือด้านการค้า ลงทุน เศรษฐกิจไทย-ฮ่องกงต่อเนื่อง พร้อมชวนร่วมชมงานแสดงสินค้าสำคัญ 7 งานที่จะจัดในปีนี้
วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2567 นายภัณฑิล จงจิตรตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังนายแหลม ชุนวา พาร์สัน (LAM CHUN-WAH Parson) ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจและการค้าฮ่องกงประจำกรุงเทพมหานคร (Director, Hong Kong Economic and Trade Office (HKETO), Bangkok) และคณะเข้าหารือในโอกาสเข้ารับตำแหน่ง ว่าการพบกันครั้งนี้มั่นใจว่าจะมีโอกาสร่วมมือกันในการขยายความร่วมมือทางธุรกิจ การค้า การลงทุน ความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทย-ฮ่องกง และร่วมกันสนับสนุนธุรกิจและสินค้าไทยสู่ตลาดฮ่องกงต่อไป
โดยการหารือพบทางด้านฮ่องกงมีความต้องการที่จะส่งเสริมธุรกิจไทยไปฮ่องกง และต้องการให้กระทรวงพาณิชย์ส่งเสริมและสนับสนุนนักธุรกิจไทยไปทำธุรกิจที่ฮ่องกง โดยภาคธุรกิจที่น่าสนใจสำหรับตลาดฮ่องกง ได้แก่ สินค้าแฟชั่น ปริมาณการซื้อสินค้าแฟชั่นฮ่องกงเติบโตร้อยละ 43 เมื่อปีที่ผ่านมา
ขณะที่อัญมณีและเครื่องประดับเติบโต 55% ในด้าน Food Tech ฮ่องกงมีความต้องการด้านอาหาร เช่น โปรตีนทางเลือกและอาหารสุขภาพมากขึ้น ซึ่งได้ยืนยันไปว่ากระทรวงพาณิชย์พร้อมที่จะส่งเสริมผู้ประกอบการไทยเข้าไปลงทุนในฮ่องกงเพิ่มขึ้น เพราะไทยมีขีดความสามารถในด้านนี้อยู่แล้ว
นอกจากนี้ฮ่องกงได้กล่าวถึงการจัดงาน The Thailand-Hong Kong Business Forum ซึ่งเป็นงานประชาสัมพันธ์ด้านโอกาสทางการค้าและการลงทุนฮ่องกง มีการเชิญนักวิชาการและผู้ที่เกี่ยวข้องด้านธุรกิจการค้ามาแบ่งปันประสบการณ์ในการขยายธุรกิจไปฮ่องกงและจีน ในวันที่ 18 มีนาคม 2567 ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ได้รับที่จะช่วยประชาสัมพันธ์การจัดงานต่อไป
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังได้ชี้แจงถึงนโยบายผลักดัน Soft Power ของไทยทั้งในด้านสินค้าและบริการไปยังต่างประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองฮ่องกงได้จัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์สินค้าอาหาร ผลไม้ และข้าวหอมมะลิไทย ตลอดจนธุรกิจบริการไทย เช่น โรงพยาบาล โรงแรมให้ผู้บริโภคชาวฮ่องกงได้รับทราบ จึงขอให้ HKETO ช่วยประชาสัมพันธ์และสนับสนุนกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนกระชับความร่วมมือให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
สินค้าเกษตรและอาหาร เป็นสินค้าที่ไทยส่งออกไปฮ่องกงมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะข้าวหอมมะลิ และผลไม้ เป็นอีกกลุ่มสินค้าที่ชาวฮ่องกงให้ความเชื่อมั่นและสนับสนุนมาโดยตลอด และไทยมีความพร้อมที่จะส่งออกข้าวและผลไม้ในปริมาณที่เพิ่มขึ้นตามความต้องการของตลาดฮ่องกง โดยได้จัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งเสริมการบริโภคสินค้าที่มีคุณภาพสูงให้แก่ผู้บริโภคชาวฮ่องกง
อีกทั้งปัจจุบันประเทศไทยมีนโยบายให้ความสำคัญด้านนวัตกรรมอาหาร (Future Food) ที่เหมาะสมกับวิถีชีวิตของคนฮ่องกง จึงหวังว่าจะมีความร่วมมือกับฮ่องกงในเรื่องนี้
ขณะเดียวกัน ได้ขอให้ช่วยประชาสัมพันธ์การจัดงานแสดงสินค้า และเชิญชวนให้ผู้นำเข้ามาร่วมเข้าชมงาน
โดยไทยจะมีการจัดงานแสดงสินค้าสำคัญจำนวน 7 งาน ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์-กันยายน 2567 ดังนี้
1) Bangkok Gems & Jewelry Fair (ก.พ.)
2) THAIFEX–HOREC Asia (มี.ค.)
3) STYLE Bangkok (มี.ค.)
4) THAIFEX-ANUGA ASIA (พ.ค.-มิ.ย.)
5) Tilog-LogistiX (ส.ค.)
6) Bangkok RHVAC and Bangkok E&E (ก.ย.)
7) Bangkok Gems & Jewelry Fair (ก.ย.)
สำหรับกิจกรรมที่จะนำมาใช้เพื่อขยายโอกาสทางการค้าให้กับสินค้าและบริการของไทยในตลาดฮ่องกง
ในปี 2567 เช่น โครงการส่งเสริมภาพลักษณ์อาหารไทยและธุรกิจบริการอาหารไทย (1 ธ.ค. 2566-30 มิ.ย. 2567) โครงการส่งเสริมอาหารไทยผ่านช่องทางค้าปลีกสมัยใหม่ (1 ม.ค.-31 ส.ค. 2567) การจัดกิจกรรมจับคู่เจรจาธุรกิจในงาน Hongkong Film & TV Market 2024 (11–14 มี.ค. 2567) โครงการส่งเสริมภาพลักษณ์ข้าวไทยผ่านร้านอาหารที่มีชื่อเสียงในตลาดฮ่องกง (มิ.ย.-ส.ค. 2567) และกิจกรรม Thai Fruits Golden Months ซึ่งได้ขอความร่วมมือให้ช่วยประชาสัมพันธ์และสนับสนุนการจัดกิจกรรมด้วย
ปัจจุบันนักลงทุนฮ่องกงเป็นนักลงทุนอันดับที่ 6 ในประเทศไทยด้วยการลงทุน 39,000 ล้านบาท (ข้อมูล BOI ช่วง 9 เดือน ปี 2566) โดยธุรกิจฮ่องกงในประเทศไทย ได้แก่ ViU (video streaming), Klook (travel booking), LaLamove (logistics) และฮ่องกงเป็นแหล่งส่งออกอันดับที่ 7 ของสินค้าไทยเมื่อปีที่ผ่านมา โดยมียอดส่งออกที่ 380,000 ล้านบาท
ส่วนธุรกิจไทยที่มีในฮ่องกงแล้ว ได้แก่ ด้านการเงิน (ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารไทยพาณิชย์ และธนาคารกสิกรไทย) ด้านอาหารและเครื่องดื่ม (CPF, Betagro และ ThaiBev) และยังมี Big C ที่เข้าฮ่องกงเมื่อประมาณเดือนกันยายนปีที่แล้วและพยายามที่จะเปิด 99 สาขาภายใน 2 ปีนี้ รวมทั้ง After You เป็นที่นิยมของลูกค้าฮ่องกง และกำลังจะเปิดสาขาสองภายในปีนี้
สำหรับ Hong Kong Economic and Trade Office (HKETO) เป็นสำนักงานตัวแทนให้กับรัฐบาลฮ่องกงในระดับภูมิภาค ซึ่งประเทศที่สาขาที่ตั้งอยู่ในไทยจะรับผิดชอบประเทศอื่นด้วย ได้แก่ กัมพูชา เมียนมา และบังกลาเทศ โดยหน้าที่ของหน่วยงาน คือ การสร้างความสัมพันธ์ทางการค้าแบบทวิภาคี ระหว่างฮ่องกงและไทย ซึ่งรวมถึงการสร้างความสัมพันธ์กับรัฐบาล การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม และการค้าและการลงทุน และตั้งในประเทศไทยมาเพียง 5 ปี จึงมีความมุ่งมั่นในการสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับไทยยิ่งขึ้น