บอร์ดบีโอไอ ไฟเขียวมาตรการดึงลงทุน “คอนเสิร์ต-กีฬา” 100 ล้านบาทขึ้นไป

BOI

บีโอไอ ดันไทยเป็นศูนย์กลางท่องเที่ยว เปิดส่งเสริมการจัดมหกรรมดนตรี กีฬา และเทศกาลนานาชาติ หากลงทุน 100 ล้านบาทขึ้นไป เว้นอากรขาเข้าเครื่องจักร-อุปกรณ์ วีซ่าและใบอนุญาตทำงานสำหรับศิลปิน

วันที่ 28 มีนาคม 2567 นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยหลังการ ประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) ซึ่งมีนายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธาน ว่า

บอร์ดได้เห็นชอบการเปิดให้การส่งเสริมการลงทุนใน “กิจการจัดงานมหกรรมดนตรี กีฬา และเทศกาลนานาชาติ” เพื่อยกระดับประเทศไทยให้เป็นจุดหมายปลายทางในการจัดงานระดับโลก (World Class Events) และเป็นศูนย์กลางเมืองท่องเที่ยวของภูมิภาค (Tourism Hub)

โดยการปลดล็อคอุปสรรคของการจัดงานขนาดใหญ่ เช่น เรื่องวีซ่าและใบอนุญาตทำงานของศิลปินและทีมงานต่างชาติ เรื่องภาระภาษีของอุปกรณ์จัดการแสดง ที่อาจนำเข้ามาใช้เพียงชั่วคราวแล้วส่งกลับออกไป เป็นต้น ซึ่งจะเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ผู้จัดงานระดับโลก ให้สามารถเข้ามาจัดงานแสดงในประเทศไทยได้ง่ายยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นมหกรรมคอนเสิร์ต หรืองานเทศกาลนานาชาติต่าง ๆ ที่จะช่วยดึงดูดการท่องเที่ยว และเพิ่มการจับจ่ายใช้สอยจากนักท่องเที่ยวต่างประเทศ และสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศตามเป้าหมายของรัฐบาล

สำหรับหลักเกณฑ์การขอรับการส่งเสริมในกิจการจัดงานมหกรรมดนตรี กีฬา และเทศกาลนานาชาติ จะต้องเป็นงานมหกรรมขนาดใหญ่ ที่มีเงินลงทุนหรือค่าใช้จ่ายในการจัดงานไม่น้อยกว่า 100 ล้านบาทต่องาน โดยจะได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ใช้ในการจัดงาน

พร้อมทั้งการอำนวยความสะดวกด้านวีซ่าและใบอนุญาตทำงาน สำหรับศิลปินและบุคลากรต่างชาติที่เข้ามาจัดงาน ผ่านศูนย์บริการวีซ่าและใบอนุญาตทำงาน (One Stop Service) ที่บีโอไอดำเนินการร่วมกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและกระทรวงแรงงาน

“จากที่รัฐบาลได้ประกาศวิสัยทัศน์ Ignite Thailand โดยหนึ่งในเป้าหมายสำคัญ คือการยกระดับประเทศไทยให้เป็นแหล่งจัดงานใหญ่ระดับโลก เพื่อเป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก การเปิดให้การส่งเสริมกิจการจัดงานมหกรรมดนตรี กีฬา และเทศกาลนานาชาติครั้งนี้ จะช่วยตอกย้ำศักยภาพและความพร้อมของประเทศไทย ที่จะเป็นผู้นำด้านการท่องเที่ยวและศูนย์กลางด้านความบันเทิงของภูมิภาค ดึงเม็ดเงินจากการใช้จ่ายของผู้ร่วมงานทั้งในประเทศ และนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่มีอำนาจใช้จ่ายสูง

อีกทั้งยังช่วยหนุนธุรกิจบริการอื่นๆ ในประเทศไทย โดยเฉพาะโรงแรม ร้านอาหาร สินค้าท้องถิ่น และบริการที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวให้ได้รับประโยชน์ไปด้วยกัน”