ทุเรียนเวียดนาม ออกชนไทย “นภินทร” บุกตลาดจีนเช็คความพร้อม

ทุเรียน

“นภินทร” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ นำทีมไทยแลนด์ บุกตลาด “HIGREEN ตลาดค้าส่งผลไม้ใหญ่สุดในกว่างซี“  ของจีน ติดตามการส่งออก-ขนส่งทุเรียนไทย เตรียมพร้อมรับทุเรียนไทยช่วงเดือน พ.ค. 2567 นี้ ”ผู้ซื้อจีนการันตี ทุเรียนไทยมาเท่าไหร่ก็หมด“ ด้านเอกชนไทย เผยปีนี้ทุเรียนเวียดนามออกพร้อมไทยเหตุอากาศเปลี่ยนทุเรียนไทยออกช้าไป 1 เดือน

วันที่ 27 เมษายน 2567 นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 26 เมษายน  2567 ที่ผ่านมาได้นำคณะกระทรวงพาณิชย์และภาคเอกชน เข้าเยี่ยมชมและสำรวจสถานการณ์ตลาด ผลไม้ไทยโดยเฉพาะ ทุเรียน ในตลาด HIGREEN หรือ ตลาด ไห่ จี๋ ซิง ซึ่งตั้งอยู่ในเขตชานเมืองหนานหนิง เป็นตลาดค้าส่งผลไม้ที่ใหญ่ที่สุดในมณฑลกว่างซี มีแผงผู้ผู้ประกอบการจีนขายส่งและขายปลีกทุเรียนไทยในเมืองหนานหนิง และมีผู้ค้าส่งกว่า 2,500 ราย และมีผู้คัดเลือกสินค้าไปขายต่อ กว่า 20,000 ราย

ทั้งนี้ จากการพูดคุยกับ “ผู้ค้าส่ง” ทุเรียนรายใหญ่รายหนึ่งของตลาด ไห่ จี๋ ซิง  ซึ่งเป็นผู้นำเข้าทุเรียนไทยกว่า 800 ตู้คอนเทนเนอร์ (40 ฟุต) ต่อปี ทุเรียนไทย เป็นทุเรียนที่ได้รับความนิยมมากในประเทศจีน ในขณะที่ตลาดทุเรียนของเมืองหนานหนิง นำเข้าทุเรียนเพื่อการบริโภคทุเรียนจาก 2 ประเทศ คือ ทุเรียนไทย และทุเรียนเวียดนาม โดยเมื่อถึงฤดูทุเรียนไทยออกผลผลิตมายังจีน ทุเรียนเวียดนามจะไม่ได้รับความนิยม เนื่องจากคนจีนชื่นชอบทุเรียนไทยมากกว่าทั้งในเรื่องชื่อเสียง คุณภาพ และรสชาติที่หวานหอมและอร่อยกว่า ทั้งนี้ ผู้ค้าส่งรายใหญ่ดังกล่าวยังได้แจ้งว่าทุเรียนไทยมีเท่าไหร่ก็ขายไม่พอ

นอกจากนี้  ปัจจุบันการขนส่งทุเรียนจากไทยมาเวียดนามถึงจีน เบื้องต้นหน้าด่านเริ่มมีการติดขัดเนื่องจากเริ่มฤดูกาลผลไม้ ซึ่งได้แนะนำให้ใช้ด่านทุกด่านของจีนที่มีประสิทธิภาพ ตั้งแต่ด่านทางทิศตะวันออก ที่เชื่อมจากด่านหูหงิ ประเทศเวียดนาม มายังด่านโหย่วอี้กวน ประเทศจีน และทิศเหนือของไทย ออกจาก สปป.ลาว คือ ด่านบ่อเต็น มายังด่านโม่ฮาน ของประเทศจีน

อย่างไรก็ดี จากการติดตามการขนส่งจากไทย-เวียดนาม ซึ่งเชื่อมต่อกับด่านรถไฟผิงเสียงของจีน  ปัจจุบันรถไฟวิ่งไปกลับอยู่สองขบวนต่อวัน ซึ่งด่านดังกล่าวสามารถรองรับได้ห้าเที่ยวต่อวัน บรรทุกได้ 20-25 ตู้ต่อเที่ยว (ตู้คอนเทนเนอร์เย็นบรรจุผลไม้ได้ 20-26 ตัน) นอกจากนี้เรื่องการอำนวยความสะดวกด้านตู้คอนเทนเนอร์เก็บความเย็นทางด่านรถไฟผิงเสียง ก็ได้พัฒนาอำนวยความสะดวกด้านที่ชาร์จตู้คอนเทนเนอร์เย็นให้เรียบร้อย จึงควรผลักดันการใช้ด่านรถไฟผิงเสียงควบคู่ไปกับด่านอื่นๆ ที่สำคัญของเส้นทาง มายังจีน

ตลาด ไห่ จี๋ ซิง

ตลาด Higreen หนานหนิงก่อตั้งเมื่อปี 2551 ด้วยทุนจดทะเบียน 520 ล้านหยวน มีขนาดพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 380,857 ตารางเมตร โดยแผนโครงการทั้งหมดแล้วเสร็จจะมีขนาดพื้นที่อาคาร 6 แสนตารางเมตร เงินลงทุนประมาณ 2,500 ล้านหยวน ตามแผนงานของตลาดจะแบ่งเป็นพื้นที่ (Zone) เป็นพื้นที่ขายสินค้าเกษตร ขายสินค้าแปรรูป พื้นที่การจัดส่ง สินค้า พื้นที่คลังเย็น พื้นที่การค้า E-commerce และพื้นที่จัดแสดงสินค้า ปัจจุบันมีสมาชิกผู้ค้าส่งในตลาด จำนวนกว่า 2,500ราย และมีสมาชิกผู้จัดซื้อมากกว่า 20,000 ราย

โดยปี 2566 ปริมาณการค้าขายในตลาด Higreen มีจำนวน 2.1451 ล้านตัน หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 12,840 ล้านหยวน คิดเป็นปริมาณการค้าขายผลไม้ต่อวัน โดยเฉลี่ยมีจำนวน 2,906 ตัน ปริมาณการค้าขายผักต่อวัน โดยเฉลี่ยมีจำนวน 2,971 ตัน และปริมาณการค้าขายอาหารแช่แข็งต่อวัน โดยเฉลี่ยมีจำนวน 300 ตัน ซึ่งครองสัดส่วนร้อยละ 98, 60 และ 35 ของตลาดหนานหนิงโดยรวมตามลำดับ

ADVERTISMENT

สัดส่วนผลไม้นำเข้าและสัดส่วนผลไม้นำเข้า 5 อันดับของประเทศ ได้แก่อันดับหนึ่งผลไม้ประเภททุเรียนสัดส่วนร้อยละ 47.5 แก้วมังกรร้อยละ 17.7 มะม่วงร้อยละ 7.2 แตงโมร้อยละ 6 และลำไยร้อยละ 5โดยปริมาณการนำเข้าผลไม้จากประเทศไทยและเวียดนามรวมถึงร้อยละ 91 โดยเป็นสินค้าจากไทยถึงร้อยละ 45

ทุเรียนไทยชนทุเรียนเวียดนาม

นายสัญชัย ปุรณะชัยคีรี นายกสมาคมผู้ค้าและส่งออกผลไม้ไทย กล่าวว่า จากการติดตามสถานการณ์ผลผลิตผลผลไม้ โดยเฉพาะทุเรียนของไทยในปีนี้ ออกล่าช้าไป 1 เดือนซึ่งปกติจะออกตั้งแต่ช่วงเดือนต้นมีนาคมของทุกปี แต่ปีนี้เริ่มออกช่วงกลางเดือนเมษายนเป็นต้นไปซึ่งทุเรียนไทยจะออกสู่ตลาด ชนกับทุเรียนของประเทศเวียดนาม ซึ่งผลผลิตจะออกในช่วงปลายเดือนพฤษภาคมนี้ จะส่งผลให้ทั้งทุเรียนไทยและเวียดนามจะออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมาก

อย่างไรก็ดี ยังเชื่อว่าราคาผลไม้ เช่น ทุเรียน มังคุด ของไทยยังเป็นไปในทิศทางที่ดี รวมไปถึงคุณภาพ และหวังว่าจะไม่มีการซื้อ-ขายทุเรียนอ่อน ส่วนตอนนี้ผลผลิตยังออกน้อย จากนี้ผลผลิตจะออกสู่ตลาดเพิ่มมากขึ้นยังเชื่อว่า ชาวสวนยังขายได้ราคา เนื่องจากผลไม้ส่วนใหญ่ส่งออกและตลาดยังมีความต้องการมาก

ทั้งนี้ สิ่งที่น่ากังวลและติดตาม คือ การขนส่งผลไม้ไปในตลาดจีน โดยเฉพาะด่านโหย่วอี้กวน เพราะด่านดังกล่าวติดกับเวียดนาม และเมื่อทุเรียนเวียดนามออกสู่ตลาดก็จะใช้เส้นทางนี้เพื่อส่งออกไปจีน โดยด่านนี้รองรับเฉลี่ยได้อยู่ที่ 200 ตู้คอนเทนเนอร์ต่อวัน ดังนั้นอาจจะทำให้ทุเรียนไทยต้องไปเส้นทางอื่นเพื่อการส่งออกแทน

“ด่านนี้ทำให้ทุเรียนไทยอาจจะเข้าไปใช้เส้นทางนี้เพื่อส่งออกผลไม้ไม่ได้เลย เพราะแค่ทุเรียนเวียดนามก็มีเป็นจำนวนมาก โอกาสที่ไทยจะไปใช้ด่านอื่นมีสูง และอาจจะหันไปใช้การขนส่งทางเรือผ่านท่าเรือแหลมฉบัง แม้จะใช้ระยะเวลานานขึ้น แต่ก็ไม่มีทางเลือก จำเป็นจะต้องใช้ หรืออีกหนึ่งเส้นทาง คือ การส่งออกผ่านเส้นทางรถไฟลาว-จีน ผ่านด่านหนองคายคุณหมิง-ท่านาแล้ง ด่านผิงเสียง ด่านตงซิง เป็นต้น”

นอกจากนี้ ยังต้องติดตามเศรษฐกิจของจีนในปีนี้ด้วย เพราะจะมีผลต่อกำลังซื้อและราคาทุเรียนด้วย และยังต้องการให้หน่วยงานของภาครัฐโดยเฉพาะการออก Form E คือ หนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า ในช่วงผลผลิตผลไม้ออกสู่ตลาดมากๆ ต้องการให้มีการออกเอกสารให้เร็วขึ้น เพื่อเป็นการระบายสินค้าออกจากด่านโดยเฉพาะด่านสำคัญ เช่น นครพนม เป็นต้น เพื่อให้การส่งออกเร็วขึ้นและลดปัญหาการติดขัดหน้าด่าน