นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ กล่าวปาฐกถาภายใต้หัวข้อ “GAME CHANGER…เกมใหม่ เปลี่ยนอนาคต” จัดโดยหนังสือพิมพ์ “ประชาชาติธุรกิจ” ในวาระครบรอบ 42 ปี ว่า โลกเปลี่ยน บุญเก่าหมด หรือ เป็นตัวถ่วงด้วยซ้ำไป แต่จะเปลี่ยนอย่างไร มี 5 ตัวแปร ตัวแปรแรก คือ Value driven ภาคการผลิตและบริการ โดยการสร้างคุณภาพ มาตรฐาน เทคโนโลยีเพื่อให้เกิดนวัตกรรม ดีไซน์
ตัวแปรตัวที่สอง คือ เศรษฐกิจของผู้ประกอบการรายใหม่ (Entrepreneur Economy) คนหนุ่มสาว เพื่อให้เป็น Inclusive Growth อย่างยั่งยืน สร้างระบบ Ecosystem ให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กระทรวงการคลัง คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) และทุกภาคส่วนไปดูว่าจะทำอย่างไรให้ไทยเป็นประเทศที่เรียกว่า Start Up Nation ที่แท้จริง
ตัวแปรตัวที่สาม สำคัญอย่างยิ่ง คือ ดิจิทัล โดยการสร้าง Partner ทั้งจีน ญี่ปุ่นและยุโรป อเมริกา ฉะนั้นนโยบายหลักของกระทรวงอุตสาหกรรม คือ การเปลี่ยนผู้ประกอบวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ให้เป็นดิจิทัลให้ได้ เพื่อไม่ให้ตกโลก เมื่อวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา ได้มีโอกาสพบผู้บริหารบริษัท Google รับผิดชอบภาคพื้นแปซิฟิกจะร่วมกับบริษัทไทยทำโครงการ Google for Thailand เพื่ออบรมคนให้สามารถใช้อินเตอร์เน็ต เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการรายเล็กมีความรู้ในการสร้างธุรกิจขึ้นมาผ่านแพลตฟอร์มก้าวขึ้นเป็น Start Up
ตัวแปรตัวที่สี่ คือ Service Sector การสร้าง New Frontier ขึ้นมา เพื่อสร้างธุรกิจเล็ก ๆ ใน Value Chain ของภาคการท่องเที่ยวได้ เมื่อก่อนภาคบริการภาคเล็ก การท่องเที่ยวเป็นตัวแถม ปัจจุบันภาคการผลิตเล็กกว่าภาคบริการ ภาคเอกชนต้องเข้ามาร่วมกันสนับสนุน ถ้าไม่ทำจะประสบกับปัญหาการจ้างงานเพราะในอนาคตจะเข้าสู่การใช้เครื่องจักรและปัญญาประดิษฐ์ (AI) มากขึ้น
ตัวแปรที่ห้า คือ City State ประเทศไทยที่รวยกระจุกเพราะไม่มีเมืองใหญ่ในหลายจังหวัด จึงเป็นเหตุผลของการจัดสรรงบประมาณงบประมาณกลุ่มจังหวัด การท่องเที่ยวเมืองรอง การตัดถนน การสร้างรถไฟเพื่อสร้างกิจกรรมจากการท่องเที่ยว ทั้งหมดเป็น Real Game Changer ทุกอย่างตั้งอยู่บนข้อสันนิษฐานข้อเดียว คือ ประเทศไทยต้องโดดเด่น โดยการเป็น Game Changer สร้างเกมด้วยตัวเอง เป็นศูนย์กลางของ CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมาร์และเวียดนาม) ภายใน 5 ปีต้องเป็น Growth Area ประเทศไทยต้อง Set Game ด้วยตัวเอง