สมาคมการค้ายาสูบไทย โอดบุหรี่เถื่อน ทุบรายได้ภาษีท้องถิ่นวูบหนัก วอนรัฐบาลดันบุหรี่เถื่อนเป็นวาระแห่งชาติ
วันที่ 24 ตุลาคม 2567 นางสาวธัญญศรัณ แสงทอง ผู้อำนวยการบริหาร สมาคมการค้ายาสูบไทย เปิดเผยว่า จากกรณีกรมสรรพสามิตรายงานผลการปราบปรามยาสูบผิดกฎหมายปีงบประมาณ 2567 ซึ่งจับกุมได้ 13,170 คดี หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 60% จากปีก่อนหน้า คิดเป็นค่าปรับ 361.73 ล้านบาท ประมาณการค่าปรับ 2,334.40 ล้านบาท จำนวนของกลางแบ่งเป็นยาสูบในประเทศ 301,961 ซอง และยาสูบต่างประเทศ 2,579,434 ซองนั้น
“ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าบุหรี่เถื่อนยังเป็นปัญหาที่รุนแรงอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากการเพิ่มขึ้นของจำนวนครั้งการจับกุม จำนวนมวนและมูลค่าที่เพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อความสูญเสียทางเศรษฐกิจ สังคม ในระดับท้องถิ่นและระดับประเทศ จึงขอเสนอให้รัฐบาลช่วยยกระดับการแก้ปัญหาให้เป็นวาระระดับชาติ”
“บุหรี่เถื่อนส่วนใหญ่ลักลอบมาจากประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งทางบกและทางทะเล หวังหลีกเลี่ยงภาษี และนำมาขายในประเทศในราคาที่ถูกกว่าบุหรี่ถูกกฎหมายแบบหลายเท่าตัว คนก็ยิ่งเข้าถึงง่าย ส่งผลให้มาตรการควบคุมบุหรี่ที่ต้องการลดจำนวนผู้สูบบุหรี่ใช้ไม่ได้ผล”
“นอกจากนี้ ร้านค้าที่ขายบุหรี่ถูกกฎหมายในประเทศกว่า 5 แสนรายยังได้รับผลกระทบจากการขาดรายได้ โดยเฉพาะร้านค้าในภาคใต้ที่รายได้ต่อวันจากการขายสินค้าลดลงเฉลี่ย 700-1,400 บาท เนื่องจากลูกค้าหันไปซื้อบุหรี่เถื่อนซึ่งมีราคาถูกกว่าจากร้านค้าที่ผิดกฎหมายแทน”
นางสาวธัญญศรัณเปิดเผยเพิ่มเติมว่า “บุหรี่เถื่อนยังส่งผลกระทบต่อรายได้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ขาดหายไป เพราะบุหรี่ทุก ๆ 1 ซองต้องเสียภาษีเพื่อมหาดไทยในอัตรา 10% จากภาษีสรรพสามิต หรือประมาณซองละ 4 บาท (ราคาบุหรี่ซองละ 75 บาท) และบุหรี่ถูกกฎหมายที่ขายในต่างจังหวัดต้องเสียภาษีอบจ.เพิ่มอีก 1.86 บาทต่อซอง ซึ่งในแต่ละปีภาษี 2 ก้อนนี้หายไปกว่า 2,400 ล้านบาท จากการเติบโตของบุหรี่เถื่อน”
ข้อมูลจากอุตสาหกรรมยาสูบเผยว่า เมื่อสิ้นปี 2566 บุหรี่เถื่อนมีสัดส่วนถึง 25.5% เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดโดยจังหวัดที่พบบุหรี่เถื่อนมากที่สุดยังคงเป็น จ.สงขลา 90% สตูล 88% พัทลุง 75% และภูเก็ต 74%
ข้อมูลการจัดเก็บรายได้ภาษี อบจ. ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2563-2566 โดยสำนักป้องกันบุหรี่ผิดกฎหมาย การยาสูบแห่งประเทศไทย พบว่า รายได้จากการเก็บภาษี อบจ. ทั้งบุหรี่ไทยและบุหรี่ต่างประเทศ ใน 14 จังหวัดภาคใต้ มีจำนวน 670 ล้านบาท คิดเป็น 7.9% ของรายได้จากการเก็บภาษี อบจ.ทั้งประเทศ
เมื่อแยกเป็นรายปี พบว่าแนวโน้มการจัดเก็บภาษีบุหรี่ อบจ. ลดลงทุกจังหวัดในพื้นที่ภาคใต้ จากที่จัดเก็บได้ราว 50 ล้านบาท ในปี 2563 มีอยู่ไม่ถึง 10 ล้านบาท ในปี 2566 ทั้งนี้ หากยังไม่มีการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง คาดว่าปีต่อ ๆ ไป รายได้จากการจัดเก็บภาษี อบจ. ในพื้นที่ภาคใต้จะลดลงเรื่อย ๆ ทำให้ไม่เหลือเพียงพอสำหรับนำไปพัฒนาท้องถิ่นและคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่
ด้านนายสุธรรม สุริโย สรรพสามิตพื้นที่ภูเก็ต กล่าวว่า ในฐานะผู้บริหารของหน่วยงานในพื้นที่ซึ่งรับผิดชอบในเรื่องนี้โดยตรง ได้นำนโยบายของกรมสรรพสามิตด้านการปราบปรามให้ตรงกลุ่มและด้านการปกป้องสังคมมาปฏิบัติ มีการบูรณาการการปฏิบัติงานกับกรมสรรพสามิต สำนักงานสรรพสามิตภาคที่ 8 กรมศุลกากร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมการปกครอง ในด้านข้อมูลข่าวสาร มีการพบปะหารือแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารกับการยาสูบแห่งประเทศไทยและสื่อมวลชนท้องถิ่น
รวมถึงได้มีการติดตามเร่งรัดเจ้าหน้าที่ฝ่ายปราบปราม เพื่อให้มีการปราบปรามบุหรี่เถื่อนอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ปัจจุบันพบว่า ผู้กระทำผิดมีจำนวนลดลง อย่างไรก็ตาม สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ภูเก็ต ได้เพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานโดยการสืบหาผู้กระทำผิดที่มีการลักลอบขายออนไลน์ มีการประสานงานด้านข้อมูลข่าวสารกับการไปรษณีย์ไทยและบริษัทขนส่งเอกชน เพื่อสร้างความเป็นธรรมต่อผู้ประกอบการขายยาสูบที่ชอบด้วยกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ นายโสภณ สุวรรณรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นจังหวัดที่พบบุหรี่เถื่อนมากเป็นอันดับ 4 ในภาคใต้ ได้เคยระบุในระหว่างการแถลงข่าวจับกุมบุหรี่เถื่อนในปฏิบัติการสิงห์ทมิฬของกรมการปกครองเมื่อต้นปีที่ผ่านมาว่า จังหวัดภูเก็ตมุ่งมั่นดำเนินการจัดระเบียบสังคมอย่างจริงจัง พร้อมกำชับเจ้าหน้าที่ดำเนินการ Re X-Ray อย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายทุกประเภทในพื้นที่ พร้อมขอบคุณประชาชนที่ช่วยเป็นหูเป็นตาให้ทางราชการ
เพราะสิ่งสำคัญคือการมีส่วนร่วมของพี่น้องประชาชนในการช่วยสอดส่องดูแลคนในชุมชน ในส่วนของผู้กระทำความผิดนั้น ทางเจ้าหน้าที่จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด จึงขอประชาสัมพันธ์หากพบเบาะแสการกระทำความผิด หรือการสร้างความเดือดร้อนต่อสังคมส่วนรวม ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ตำรวจ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หรือสายด่วนศูนย์ดำรงธรรม 1567 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง