ข้าวไทยปี 2568 หืดจับ ชาวนาขอรัฐอุดหนุนไร่ละพัน

เรือส่งออกข้าว

ผู้ส่งออกข้าว ประเมินส่งออกข้าวไทยปี 2568 คาดหวังแตะที่ 7 ล้านตัน จากปีนี้คาดว่าได้ 9.5 ล้านตัน เหตุจากอินเดียกลับมาส่งออกข้าว คาดว่าปีหน้าผลผลิตได้เฉลี่ย 142 ล้านตันข้าวเปลือก สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ทำให้ตลาดข้าวปีหน้าแข่งขันดุเดือด ราคามีสิทธิร่วง นบข.ประชุมนัดแรก 8 พ.ย.นี้ จับตามาตรการช่วยเหลือชาวนา ด้านชาวนาร้องมาตรการช่วยเหลือไร่ละ 1,000 บาท

นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ในวันที่ 7-9 พฤศจิกายน 2567 สมาคมจะลงพื้นที่ จ.อุบลราชธานี เพื่อติดตามภาวะผลผลิตข้าวนาปี 2567/2568 พร้อมกับประเมินภาวะตลาดการส่งออกข้าวของไทยในปี 2568 ให้กับเกษตรกร ผู้ประกอบการโรงสีรับรู้ ว่าการส่งออกข้าวไทยปีหน้าจะเหนื่อยมากขึ้น ทั้งเรื่องราคาที่จะแข่งขันสูง และปริมาณข้าวในตลาดโลกจะเพิ่มขึ้น คาดการณ์อยู่ที่ 530 ล้านตัน จากปี 2567 อยู่ที่ 521 ล้านตัน

โดยทำให้คาดว่าไทยจะส่งออกข้าวปีหน้าได้แค่ 7 ล้านตัน จากปี 2567 อยู่ที่ 9.5 ล้านตัน ทั้งนี้ เป็นผลมาจากอินเดียมีผลผลิตสูงเป็นประวัติการณ์ คาดว่าอยู่ที่ 142 ล้านตัน ทำให้อินเดียกลับมาส่งออกข้าว หลังแบนไม่ส่งออกข้าวเกือบ 3 ปี รวมไปถึงประเทศผู้ผลิตข้าวอื่น ๆ และไทย ซึ่งคาดว่าปีนี้น่าจะมากกว่า 21 ล้านตันนายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย

“จากภาวะตลาดข้าวตอนนี้ ทำให้ราคาข้าวในตลาดโลกปรับลดลง โดยอินเดียราคาข้าวขาวเฉลี่ย 440 เหรียญสหรัฐต่อตัน ไทย 485 เหรียญต่อตัน นอกจากนี้ ยังมีแนวโน้มที่จะลดลงและจะทำให้การแข่งขันด้านราคาสูงขึ้น ขณะที่ประเทศผู้นำเข้าปีหน้าจะนำเข้าข้าวลดลง เช่น มาเลเซีย จากปีนี้นำเข้า 1.8 ล้านตัน แต่ปีหน้าคาดว่าอยู่ที่ 1.5 ล้านตัน อินโดนีเซีย ปีนี้ 4 ล้านตัน ปีหน้า 1.5 ล้านตัน อิรัก ปีนี้ 2.2 ล้านตัน ปีหน้า 1.9 ล้านตัน จะมีแค่พิลิปปินส์ที่คาดว่าจะนำเข้าเพิ่มปีหน้า 4.7 ล้านตัน เพราะในประเทศเจอพายุกระทบต่อผลผลิตจึงต้องนำเข้าเพิ่ม”

รายงานข่าวระบุว่า ในวันที่ 8 พฤศจิกายน 2567 จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) โดยจะมี นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน ซึ่งมีวาระการประชุม อาทิ การติดตามสถานการณ์ข้าวโลก ข้าวไทย ความคืบหน้าผลการดำเนินมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวปีการผลิต 2566/2567

รวมไปถึงการพิจารณาออกมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือกปีการผลิต 2567/2568 โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปีการผลิต โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร โครงการชดเชยดอกเบี้ยผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต๊อก และการขอทบทวนโครงการสนับสนุนปุ๋ยลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกรผู้ปลูกข้าว

Advertisment

อย่างไรก็ดี นายวิทยากร มณีเนตร ผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ และโฆษกกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ในการประชุม นบข. กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ได้เตรียมเสนอมาตรการชะลอผลผลิตที่จะออกกระจุกตัวในช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 2567 เพราะขณะนี้เกษตรกรเริ่มทยอยเก็บเกี่ยวข้าวเปลือกหอมมะลิ กข15 มาจำหน่าย โดยเป็นข้าวเกี่ยวสด ความชื้นประมาณ 25% สหกรณ์รับซื้ออยู่ที่ 12,500 บาท/ตัน คิดเป็นข้าวแห้งประมาณ 14,700 บาท/ตัน ซึ่งถือว่าราคายังอยู่ในเกณฑ์ดี

ด้านนายปราโมทย์ เจริญศิลป์ นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย กล่าวว่า สมาคมจะเสนอให้ที่ประชุม นบข.พิจารณาโครงการเงินช่วยเหลือชาวนาไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 20 ไร่ต่อครัวเรือน หรือไม่เกินครัวเรือนละ 20,000 บาท ตามโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว เนื่องจากเวลานี้ชาวนาขายข้าวเปลือกได้ 7,000-8,000 บาทต่อตันเท่านั้น จากก่อนหน้าที่ขายได้ 10,000-13,000 บาทต่อตัน

Advertisment

ส่วนการพิจารณาโครงการปุ๋ยและชีวภัณฑ์คนละครึ่ง งบฯกว่า 2.9 หมื่นล้านบาท ที่ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไปแล้วก่อนหน้านี้ ในที่ประชุมจะมีการพิจารณาทบทวนโครงการ ก็ขึ้นอยู่กับที่ประชุม แต่สิ่งที่ชาวนาต้องการมากที่สุด คือ โครงการไร่ละ 1,000 บาท