แจงเหตุค่าไฟฟ้าแสงอาทิตย์ ราคาต่อหน่วยในไทยต่างจากอินเดีย

solar

แจงปมค่าไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ระหว่างอินเดีย-ไทยต่างกัน หลังถูกระบุค่าไฟจากโซลาร์เซลล์ในไทยที่ กพช.ประกาศรับซื้อ แพงกว่าที่ GPSC เครือ ปตท. ชนะประมูลในอินเดียราว ๆ 1 บาท ชี้เหตุจากราคาต้นทุนทั้งค่าแรงและวัตถุดิบอินเดียถูกกว่าไทยมาก และขนาดของโรงไฟฟ้าอินเดียใหญ่กว่าไทยถึง 14 เท่า เป็น Economy of Scale ปกติทั่วไป ที่สินค้าผลิตจำนวนมากต้องถูกกว่าที่ผลิตน้อย เผยตอนนี้ทั่วโลกสนับสนุนใช้ไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ ไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ให้ความสำคัญ

จากกรณีบริษัท Avaada Energy ซึ่งเป็นผู้ดำเนินธุรกิจพลังงานหมุนเวียนชั้นนำในอินเดีย ที่บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC ในเครือบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ถือหุ้นอยู่ 42.93% ชนะการประมูลโครงการผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ ในประเทศอินเดีย จำนวน 1,050 เมกะวัตต์ เป็นเวลา 25 ปี ในราคา 0.032 ดอลลาร์สหรัฐ เทียบเท่า 1.14 บาทต่อหน่วย

ต่อมามีผู้นำราคาดังกล่าวไปเปรียบเทียบกับราคารับซื้อพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทย ที่ราคา 2.17 บาทต่อหน่วย ตามที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ประกาศรับซื้อไฟฟ้า เป็นเวลา 25 ปี โดย GPSC เป็น 1 ใน 5 บริษัทที่เสนอขายไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ด้วยนั้น

ค่าไฟฟ้า “ไทย-อินเดีย”

แหล่งข่าวกล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า การเปรียบเทียบค่าไฟฟ้าที่อินเดียและไทยนั้นอาจมีความคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริง เนื่องจากมีปัจจัยที่มีความแตกต่างกันและมีผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตไฟฟ้าของ 2 ประเทศมาพิจารณา ประกอบด้วย

1.Economy of Scale หรือการประหยัดจากขนาดในทางเศรษฐศาสตร์ คือการผลิตสินค้าจำนวนมากทำให้ต้นทุนการผลิตถูกกว่าผลิตจำนวนน้อย โครงการไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ของอินเดีย มีขนาดใหญ่ตั้งแต่ 150-1,050 เมกะวัตต์ โดยโครงการที่ Avaada ชนะประมูล มีกำลังการผลิต 1,050 เมกะวัตต์

สำหรับในประเทศไทยมีโครงการที่ผ่านการคัดเลือก 4 โครงการ มีกำลังผลิตตั้งแต่ 8-72 เมกะวัตต์ รวมทั้งสิ้น 192 เมกะวัตต์ ซึ่งมีขนาดเล็กกว่าโครงการที่อินเดียโครงการเดียวมากกว่า 14 เท่าตัว

ADVERTISMENT

ราคาต้นทุนต่างกันเยอะ

2.Capacity Factor คือไฟฟ้าที่ผลิตได้จริง เทียบกับกำลังการผลิตตามสัญญา ซึ่งมีผลต่อราคา โรงไฟฟ้า Capacity Factor สูง ทำให้ต้นทุนต่อหน่วยถูกกว่าโรงไฟฟ้า Capacity Factor ต่ำ

และ 3.ต้นทุนการก่อสร้างโรงไฟฟ้าต่างกัน ต้นทุนของอินเดียถูกกว่าของไทย เช่น ค่าแรงงานและค่าเหล็กเส้น เนื่องจากอินเดียเป็นผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ที่สุดรายหนึ่งของโลก

ADVERTISMENT

“การนำราคาของการประมูลโครงการรับซื้อพลังงานแสงอาทิตย์ใน 2 ประเทศมาเปรียบเทียบกันเลย แล้วไประบุว่าของไทยแพงกว่าต่างประเทศจึงถือว่าเป็นการคำนวณที่คลาดเคลื่อน ไม่ตรงตามข้อเท็จจริง เพราะไม่นำปัจจัยการลงทุนอื่น ๆ มาพิจารณาร่วมด้วย ทำให้เกิดข้อมูลที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณะได้” แหล่งข่าวกล่าว

ชี้เหตุอินเดียดึงดูดลงทุน

แหล่งข่าวยังกล่าวถึงการเข้าไปลงทุนพลังงานสะอาดในอินเดียของบริษัทหลายแห่งทั่วโลกอีกว่า ข้อได้เปรียบของอินเดียที่ดึงดูดการลงทุน อาทิ 1.ฐานประชากรขนาดใหญ่ 2.เศรษฐกิจดี 3.กลุ่มวัยทำงานขนาดใหญ่ และ 4.ข้อได้เปรียบทางภูมิศาสตร์

ประเทศอินเดียมีประชาชน 1.3 พันล้านคน มากเป็นอันดับ 2 ของโลก รองแค่จีนเท่านั้น อีกทั้งเศรษฐกิจอินเดียมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 5 ของโลก และจากพัฒนาการในหลาย ๆ ด้านทำให้เศรษฐกิจอินเดีย พร้อมขยับอันดับขึ้นไปอีกในเร็ว ๆ นี้

แดดจัดมากถึง 300 วัน/ปี

ประชากรหนุ่มสาวของอินเดีย ที่อยู่ในช่วงวัยทำงาน มีจำนวนมากถึงเกือบ 300 ล้านคน (อายุเฉลี่ยของชาวอินเดียอยู่ที่ 28 ปี) ด้วยกำลังซื้อ และการจับจ่ายของคนกลุ่มนี้ ถือเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจอินเดียเลยทีเดียว

และสุดท้ายสภาพทางภูมิศาสตร์ที่สร้างโอกาสให้กับธุรกิจพลังงานสะอาด โดยอินเดียเป็นประเทศผู้ผลิตพลังงานทดแทนสูงสุดเป็นอันดับ 4 โดยเฉพาะพลังงานแสงอาทิตย์ ความได้เปรียบทางภูมิศาสตร์อินเดียตั้งอยู่ในเขตร้อน มีแดดจัดมากถึง 300 วันต่อปี เหมาะที่สุดสำหรับการติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์ เนื่องจากได้รับแสงแดดโดยตรง

รัฐบาลหนุนเครดิตภาษี

นอกจากนี้ รัฐบาลเสนอเครดิตภาษีให้กับผู้ที่ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคา ทั้งการอยู่อาศัยและเชิงพาณิชย์ จึงเป็นความได้เปรียบด้านต้นทุนการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ ด้วยการผลักดันของนโยบายรัฐ อินเดียกำลังก้าวสู่เส้นทางพลังงานสะอาดเต็มตัว กับเป้าหมายกำลังการผลิตพลังงานทดแทนในระดับ 500 กิโลวัตต์ ภายในปี ค.ศ. 2030 พร้อมเดินหน้าผลักดันการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) อีกด้วย และนั่นหมายถึงโอกาสในการเติบโตได้อีกมหาศาลในอุตสาหกรรมนี้

ทั่วโลกหนุนพลังงานแสงอาทิตย์

แหล่งข่าวยังกล่าวถึงเทรนด์การสนับสนุนใช้ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ว่า ไม่เพียงประหยัดค่าไฟมากขึ้นสำหรับบ้านเรือนทั่วไป เพราะสามารถติดแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาเพื่อผลิตไฟฟ้าใช้ในบ้าน ยังช่วยลดโลกร้อนจากการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อีกด้วย ทำให้ทั่วโลกนิยมใช้กันแพร่หลาย และกลายเป็นเทคโนโลยีพลังงานทางเลือกที่เติบโตเร็วที่สุด

เช่น จีนมีแผนสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในอวกาศ ที่ผลิตพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ในอวกาศแล้วส่งกลับมายังโลก โดยอยู่ในการทดสอบระบบตรวจสอบภาคพื้นดิน และจะเปิดตัวอย่างเต็มรูปแบบภายในปี 2028

อินเดียสนับสนุนโครงการพลังงานสะอาดของประเทศสู่ที่หนึ่งของโลก ด้วยนิยาม “One Sun One World One Grid” และ “World Solar Bank” หรือพระอาทิตย์หนึ่งดวง โลกหนึ่งใบ หนึ่งกริด และธนาคารโซลาร์โลก

ญี่ปุ่นบังคับติดโซลาร์เซลล์

สหรัฐอเมริกา ส่งเสริมนโยบายช่วยให้ประชาชนสามารถเข้าถึงแผงโซลาร์เซลล์ได้ง่ายขึ้น เช่น เมือง Lancaster รัฐแคลิฟอร์เนีย ที่กำหนดให้ผู้สร้างที่อยู่อาศัยใหม่ทุกหลังต้องติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ โดยถือเป็นเมืองนำร่องการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ใช้เอง

ญี่ปุ่น ออกระเบียบใหม่กำหนดให้บ้านในโตเกียวทุกหลัง ที่สร้างหลังเดือนเมษายน 2025 ต้องติดแผงโซลาร์เซลล์เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนในครัวเรือน

ไทยเกาะขบวนลดคาร์บอน

เยอรมนี อนุมัติร่างกฎหมายส่งเสริมการขยายการผลิตพลังงานหมุนเวียนครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของเยอรมนี โดยลดขั้นตอนการออกใบอนุญาตและการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนให้สามารถก่อสร้างได้เร็วขึ้น

ส่วนประเทศไทยให้ความสำคัญกับการผลิตพลังงานจากแสงอาทิตย์ เช่นเดียวกับประเทศอื่น ๆ โดยพัฒนาเทคโนโลยีที่ส่งเสริมประสิทธิภาพโซลาร์เซลล์ให้เหมาะกับสภาพแวดล้อมของประเทศ เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ สร้างพลังงานสะอาดสู่โลกมากยิ่งขึ้น