
OR เปิดตัว “ม.ล.ปีกทอง” ซีอีโอคนใหม่ ทุ่มงบฯ ลงทุนปี’68 ที่ 1.9 หมื่นล้านบาท เน้นหลักธุรกิจ Mobility ดันรายได้โต 3% สู้กลับดึงส่วนแบ่งตลาด 38% จากเดิม 35% พร้อมดันไทยเป็น Oil Hub ภูมิภาค
หม่อมหลวงปีกทอง ทองใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ประกาศวิสัยทัศน์และทิศทางการดำเนินธุรกิจหลังจากเข้ารับตำแหน่ง CEO คนใหม่ ว่าสำหรับทิศทางการดำเนินการและวิสัยทัศน์เริ่มแรกหลังจากเข้ารับตำแหน่ง ยังคงสานต่อวิสัยทัศน์ “Empowering All Toward Inclusive Growth” หรือ “เติมเต็มโอกาส เพื่อทุกการเติบโตร่วมกัน ซึ่งเป็นการสานต่อนโยบายเดิมจากซีอีโอคนก่อน เนื่องจากมองว่าวิสัยทัศน์และนโยบายเดิมที่มีอยู่ดีอยู่แล้ว ตนเลยเข้ามาสานต่อ
มีหลายคนสอบถามว่าทำไมถึงตัดสินใจที่จะสมัครตำแหน่ง CEO OR ด้วยการทำงานของ ปตท. ตั้งแต่สายงานปิโตรเคมี ทั้งงานแผน สายงานขาย ผู้ช่วยนโยบายทางด้านเศรษฐกิจมากว่า 40 ปี อยากที่จะท้าทายตนเอง แชลเลนจ์อะไรใหม่ ๆ ด้วยการเข้ามาดูงานและเข้าทำงานในสายงานด้านน้ำมัน
นอกจากนี้ เหตุผลหลัก ๆ เลยคือคนนอกกลุ่ม ปตท.ไม่มีใครมั่นใจใน OR เลยเราจึงอยากพัฒนาตัวเอง ช่วยให้คนภายนอกกลุ่มมีความมั่นใจในความสามารถและศักยภาพของ OR รวมถึงบริษัทในกลุ่มมากขึ้น เพราะว่าถ้าดูจากกราฟ Set Market เราโตน้อยมาก ก็เลยอยากทำให้ OR โตมากขึ้น
ทุ่มงบฯ 1.9 หมื่นล้าน ลุยต่อ Mobility
OR ได้ประกาศแผนการลงทุน 5 ปี (2568-2572) ที่ 60,000 ล้านบาท โดยวางงบฯ ลงทุนปี 2568 ไว้ที่ 19,000 ล้านบาท เน้นกลุ่มธุรกิจหลัก Mobility ประมาณ 7,656.7 ล้านบาท, Lifestyle ประมาณ 7,300 ล้านบาท, Global Market ประมาณ 2,771 ล้านบาท และ Innovation & New Business ประมาณ 1,178 ล้านบาท
นอกจากนี้ OR มุ่งเน้นที่จะผลักดันให้ประเทศไทยกลายเป็น Oil Hub ของภูมิภาค ยังคงเดินหน้าลงทุนขยายธุรกิจในต่างประเทศ ได้แก่ กัมพูชา เวียดนาม ลาว และเมียนมา ยังคงมองกัมพูชาเป็นประเทศที่ใกล้ที่สุดและเป็น Sencond Home ของ OR จะขยายสถานีบริการเพิ่มเติม
ส่วนการลงทุนในประเทศเมียนมาจะหยุดไว้ก่อน ส่วนที่ลงทุนไปแล้วก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้ขยายการลงทุนเพิ่มเติมแต่อย่างใด ซึ่งส่วนตัวมองว่าคนไทยอย่าไปมองเมียนมาไปมากกว่านี้ เพราะเราเป็นเพื่อนบ้านกัน ต้องอยู่ด้วยกันอย่างสันติสุข
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา OR ได้สร้างผลงานที่โดดเด่น อาทิ การยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรและวิสาหกิจชุมชนผ่านโครงการไทยเด็ด การสนับสนุนผู้เปราะบางทางสังคมผ่าน Café Amazon for Chance รวมถึงการติดตั้ง Solar Roof ในสถานีบริการ PTT Station ที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก พร้อมตั้งเป้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2030 และ Net Zero ในปี 2050
ในด้านการขับเคลื่อนธุรกิจ OR จะมุ่งเน้นการใช้ Digitalization & Innovation เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการเสริมความแข็งแกร่งของธุรกิจ โดยที่ผ่านมา OR ถือเป็นบริษัทแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่นำระบบ SAP S/4 HANA มาใช้ในอุตสาหกรรมน้ำมันและค้าปลีก พร้อมพัฒนา Control Tower Dashboard เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการและตัดสินใจทางธุรกิจ โดยมุ่งเสริมความเข้มแข็งใน 3 พันธกิจสำคัญ ได้แก่ Seamless Mobility มุ่งเสริมความเป็นผู้นำในธุรกิจน้ำมัน ผ่านการขยายเครือข่ายสถานีบริการและเพิ่มประสิทธิภาพโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง
ควบคู่กับการพัฒนาสู่พลังงานทางเลือก เช่น สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า EV Station PluZ และการติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์ โดยใช้กลยุทธ์ Thailand Mobility Partner ในการเปลี่ยนผ่านจากธุรกิจน้ำมัน (Fossil Based) สู่ธุรกิจพลังงานแบบผสมผสาน (New Energy-Based) ด้าน All Lifestyles มุ่งเสริมความแข็งแกร่งของ Café Amazon ตลอด Value Chain พร้อมแสวงหาโอกาสการลงทุนร่วมกับพันธมิตรในธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงเริ่มศึกษาธุรกิจ Health & Wellness ที่มีโอกาสเติบโตสูง ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์กระจายพอร์ตการลงทุน (Diversify Portfolio) และ Global Market ที่ให้ความสำคัญกับการลงทุนในประเทศที่มีศักยภาพสูง โดยมีแผนลงทุนเพื่อสร้างความเข้มแข็งในโครงสร้างพื้นฐานในต่างประเทศ
ลงทุน EV ปีนี้ 1 พันล้านบาท
สำหรับธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า หรือ EV แม้ ปตท.จะมีการชะลอการลงทุนโรงงานผลิตฐานรถ EV เนื่องจากยอดขายรวมตกลง แต่เรายังคงมองว่ายังคงต้องเปลี่ยนผ่านจาก PTT Station ไปเป็น OR Space เพราะเราก็มองถึงการไปสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน การลดก๊าซเรือนกระจก และการเปลี่ยนผ่านด้านยานยนต์ ในอนาคตยังคงเติบโตไปได้ เราก็โฟกัสสถานีชาร์จและหัวชาร์จ (EV Charger)
ซึ่งในปีที่แล้วได้ลงทุนไปประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยในปีนี้ก็ได้วางงบฯ ลงทุนในเบื้องต้นไว้ไม่น้อยกว่าปีที่แล้วราว 1,000 ล้านบาทเช่นกัน จำนวน 1,000 แห่ง อย่างไรก็ตาม เมื่อการใช้รถ EV ลดลงเรายังต้องปรับแผนการลงทุนลดหัว Charger เหลือ 5,000 หัวจ่าย