วัดใจ’บิ๊กตู่’อาลีบาบาซื้อที่ แลกลงทุนหมื่นล้านบูมอีอีซี

แจ็ก หม่า อาลีบาบา ลงทุน EEC นายกฯประยุทธ์
แฟ้มภาพ

“แจ็ก หม่า” ยื่นข้อเสนอใหม่ “ฮับโลจิสติกส์” ในไทย ขอเปลี่ยนจากการ “เช่าที่ดิน” เป็น “ซื้อที่ดิน” แทน ปั้นฮับไทยให้ยิ่งใหญ่ EEC-BOI หาช่องดึงอาลีบาบาลงทุน เปิด พ.ร.บ. EEC ให้ถือกรรมสิทธิ์ได้แค่เช่า 49+50 ปี พ.ร.บ. BOI ให้ซื้อที่ดินได้แต่สิทธิประโยชน์น้อยกว่า ส่วน WHA มั่นใจดีลเช่าที่ยังไม่ล้ม

ระยะเวลาได้ผ่านมากว่า 6 เดือนแล้ว หลังจากที่ “แจ็ก หม่า” ประธานบริษัทอาลีบาบากรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทอีคอมเมิร์ซรายใหญ่ที่สุดของประเทศจีน ได้ลงนามความร่วมมือด้าน Smart digital hub and digital transformation strategic partnership ซึ่งประกอบไปด้วย MOU 4 ฉบับกับรัฐบาลไทย โดยหนึ่งในนั้น อาลีบาบาได้เตรียมแผนการก่อสร้างโครงการ Smart Digital Hub (2561-2562) ในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) มูลค่าลงทุน 11,000 ล้านบาท ทว่าจนกระทั่งถึงปัจจุบันยังไม่มีความคืบหน้าในการก่อสร้าง แต่มีแนวโน้มที่จะขอเปลี่ยนแปลงวิธีการได้มาซึ่ง “กรรมสิทธิ์” ในที่ดินจากการ “เช่า” มาเป็น “ซื้อ” ที่ดินแทน

ข้อเสนอใหม่ของแจ็ก หม่า

ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานระหว่างการเยือนจีนของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เพื่อเข้าชมงาน International China Import-Export เมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้มีการหารือระหว่างฝ่ายไทยกับแจ็ก หม่า ประธานบริษัทอาลีบาบาในเรื่องของการ transform ประเทศไทยสู่ digital 4.0 โดยแจ็ก หม่า ได้ยื่น “ข้อเสนอใหม่” ที่ต้องการให้ประเทศไทยเป็น hub logistic ที่มากกว่าการเป็น hub ธรรมดา ๆ ตามความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างไทยและจีน รวมถึงการสร้างศูนย์พัฒนาบุคลากรไทย-จีน โดยอาลีบาบาต้องการที่จะขอ “ซื้อที่ดิน” ในประเทศไทยแทนการ “เช่าที่ดิน” ที่ตกลงเบื้องต้นกันไว้

ทั้งนี้เป็นที่ทราบกันดีว่า ที่ผ่านมาบริษัทอาลีบาบาได้ทำข้อตกลงกับภาคเอกชนคือ บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA เพื่อขอเช่าพื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรมของ WHA ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา สำหรับพัฒนาเป็นเขตส่งเสริมธุรกิจอีคอมเมิร์ซและสมาร์ทโลจิสติกส์

“ขณะนี้ทีม EEC และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ได้รับทราบข้อเสนอใหม่ของอาลีบาบาแล้ว โดยมีการสั่งการให้ทั้ง 2 หน่วยงานร่วมกันในการหาทางออกให้กับข้อเสนอซื้อที่ดินว่าจะสามารถทำได้อย่างไร และเกี่ยวพันกับกฎหมายฉบับใดที่เปิดช่องให้สามารถดำเนินการได้บ้าง”

กฎหมาย EEC ให้ได้แค่เช่า 99 ปี

นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการ คณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ภายใต้ พ.ร.บ.เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (พ.ศ. 2561) ได้กำหนดไว้ในมาตรา 52 นักลงทุนจะไม่สามารถใช้กฎหมายฉบับนี้เพื่อการ “ซื้อ” ที่ดินลงทุนได้ แต่จะทำได้เพียงการ “เช่า” พื้นที่ตามกฎหมายเท่านั้นคือ แบ่งการอนุมัติให้เช่าออกเป็น 2 ระยะ โดยระยะแรกอนุมัติระยะเวลาการเช่าไม่เกิน 50 ปี และระยะที่สองสามารถต่ออายุการเช่าได้อีกไม่เกิน 49 ปี เมื่อรวม 2 ระยะแล้วไม่เกิน 99 ปี ดังนั้นในกรณีที่นักลงทุนต้องการจะซื้อที่ดินจะต้องใช้กฎหมายฉบับอื่นที่ว่าด้วยเรื่องของการขายที่ดิน เช่น กฎหมายที่ดินเพื่อนำมาพิจารณาเพื่อขอซื้อที่ดินแทนกฎหมาย EEC เพื่อลงทุนในพื้นที่ดังกล่าวที่นักลงทุนสนใจ

“หากนักลงทุนจะซื้อที่ดิน เราไม่ขาย ถามว่าในกฎหมายเราให้เช่าได้อย่างเดียวใช่หรือไม่นั้น มันแล้วแต่กรณี มันมีหลายอันที่เราไม่ค่อยเกี่ยวข้องคือเรื่องของที่ดิน ซึ่งในกฎหมาย EEC พูดถึงเรื่องที่ดินน้อยมาก แต่กฎหมายอื่นให้ในเรื่องของที่ดิน เช่น กฎหมายของ BOI ถ้าได้การส่งเสริมบางกิจการก็สามารถซื้อที่ดินได้และที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมก็ซื้อได้ แต่ใน EEC ไม่ได้ เราไม่ได้ระบุไว้ว่าให้ซื้อ” นายคณิศกล่าว

BOI ซื้อได้แต่เลิกต้องคืน

นางสาวพจณี อรรถโรจน์ภิญโญ รองเลขาธิการคณะกรรมการ EEC กล่าวเพิ่มเติมว่า นักลงทุนที่มีความต้องการซื้อที่ดินเพื่อลงทุนในพื้นที่ EEC นั้น “สามารถทำได้” โดยมีช่องให้ใช้ พ.ร.บ.ส่งเสริมการลงทุนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) แต่ต้องทำตามเงื่อนไขที่ BOI กำหนด เช่า เรื่องของเงินลงทุนส่วนใหญ่จะสูงเป็นระดับหลาย ๆ พันล้านบาท รวมถึงจะต้องเป็นการลงทุนที่นำเอาห่วงโซ่ทั้งคลัสเตอร์มาลงทุนด้วย หากเป็นกิจการเดียวลงทุนครั้งเดียวแล้วก็ถือว่า “ไม่เข้าเงื่อนไขของ BOI ไม่สามารถซื้อที่ดินเพื่อก่อสร้างและลงทุนได้”

“ตามกระบวนการหากเป็นอุตสาหกรรมเล็ก ๆ กิจการธรรมดาจะขอรับการส่งเสริมที่ BOI หากเป็นอุตสาหกรรมเป้าหมาย (S-curve) จะมาคุยที่สำนักงาน EEC เพราะนักลงทุนเหล่านี้มีซัพพลายเชนมาก จะดึงกันมาลงทุนทั้งยวง” น.ส.พจณีกล่าว

ทั้งนี้ พ.ร.บ.ส่งเสริมการลงทุนระบุไว้ในมาตรา 27 “ผู้ได้รับการส่งเสริมจะได้รับอนุญาตให้ถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินเพื่อประกอบการกิจการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนตามจำนวนที่คณะกรรมการ (มีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน) พิจารณาเห็นสมควร แม้ว่าจะเกินกำหนดที่จะพึงมีได้ตามกฎหมายอื่น ในกรณีที่ผู้ได้รับการส่งเสริมซึ่งเป็นคนต่างด้าวตามประมวลกฏหมายที่ดินเลิกกิจการที่ได้รับการส่งเสริมหรือโอนกิจการนั้นให้แก่ผู้อื่น ผู้ได้รับส่งเสริมต้องจำหน่ายที่ดินที่ได้รับอนุญาตให้ถือกรรมสิทธิ์ภายใน 1 ปีนับแต่วันที่เลิกหรือโอนกิจการ มิฉะนั้นให้อธิบดีกรมที่ดินมีอำนาจจำหน่ายที่ดินนั้นตามประมวลกฎหมายที่ดิน”

ข้อดี-เสีย 2 พ.ร.บ.

อย่างไรก็ตาม การใช้ พ.ร.บ.เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) กับ พ.ร.บ.ส่งเสริมการลงทุน (BOI) มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป กล่าวคือ พ.ร.บ. EEC ให้สิทธินักลงทุนต่างด้าวถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินใน “เขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ” ด้วยการ “เช่า” แต่เป็นระยะเวลายาวนานถึง 1 ชั่วอายุคนคือ 49+50 ปี พร้อมกับได้รับสิทธิพิเศษต่าง ๆ อาทิ การ “ยกเว้น” หรือลดหย่อนภาษีเป็นกรณีพิเศษ, ยกเว้นการควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินตรา, สามารถใช้เงินตราต่างประเทศในการชำระค่าสินค้าได้, สามารถนำเข้าผู้เชี่ยวชาญพิเศษ รวมไปถึงการขอ visa

ส่วน พ.ร.บ. BOI ให้สิทธินักลงทุนต่างด้าวในการ “ซื้อที่ดิน” ได้ แต่จะได้รับการส่งเสริมการลงทุนตามประกาศของคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนตามประเภทกิจการนั้น ๆ เท่านั้น จึงเป็นเรื่องที่บริษัทอาลีบาบาที่จะเข้ามาลงทุนตั้ง smart digital hub จะต้องเป็นผู้ตัดสินใจ

WHA มั่นใจดีลยังไม่ล้ม

ด้านนางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท WHA Corporation กล่าวว่า ยังไม่สามารถให้รายละเอียดเกี่ยวกับการทำสัญญากับบริษัทอีคอมเมิร์ซรายใหญ่ของจีนได้ เพราะ “เป็นไปตามข้อตกลง” แต่ยืนยันว่าได้มีการทำสัญญาไปแล้วเมื่อเดือนสิงหาคม โดยผู้ประกอบการรายดังกล่าวจะซื้อที่ดินประมาณ 130,000 ตร.ม. ทั้งนี้ยังมีกระบวนการด้านการเงินตามรายละเอียดของสัญญาที่ตกลงกันไว้แล้วด้วย