“สนธิรัตน์” ปัดชงเองกินเอง ท้าตรวจสอบหากพบทุจริตโรงไฟฟ้าชุมชนกองทุนอนุรักษ์

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า จากกรณีกระแสวิพากษ์วิจารณ์การเเต่งตั้ง คณะอนุกรรมการกลั่นกรองกองทุนอนุรักษ์พลังงาน ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงพลังงาน เพื่อพิจารณาโครงการกองทุนอนุรักษ์พลังงาน ที่มีวงเงินปีละ 10,000 ล้านบาท นั้น ขอยืนยันว่าเป็นไปอย่างโปร่งใส เป็นธรรม มีผู้ทรงคุณวุฒิ อนุกรรมการเข้ามาดูแล กลั่นกรอง ติดตามและประเมินผล อย่างเป็นขั้นตอน ไม่มีประเด็นการ “ชงเองกินเอง” ตามกระเเสข่าว ซึ่งตรงกันข้ามมีการแต่งตั้งมาเพื่อป้องกันปัญหาการทุจริตและตรวจสอบได้ตั้งแต่เริ่มเสนอโครงการ

โดยจุดประสงค์ของการตั้งคณะอนุกรรมการนั้น ได้มีการแต่งตั้งขึ้นมา 4 ชุด ซึ่งคณะอนุกรรมการกลั่นกรองโครงการนั้นเป็น 1 ใน 4 ชุดที่ถูกยกเลิกไปจึงต้องตั้งขึ้นมาเพื่อพิจารณาโครงการให้รอบคอบใหม่ ซึ่งหลังอนุมัติโครงการ จะมีคณะอนุกรรมการติดตามและประเมินผลซึ่งทั้ง 2 ชุด ถือเป็นกลไกในการดูแลความโปร่งใสทั้งสิ้น

ทั้งนี้กระทรวงพลังงาน จะเปิดยื่นเสนอโครงการฯภายในเดือน ก.พ.นี้ คาดว่าจะใช้เวลา 1 เดือนในการพิจารณอนุมัติโครงการ ซึ่งจะไม่จำกัดวงเงินสนับสนุนในแต่ละโครงการ แต่จะยึดประโยชน์โครงการเป็นที่ตั้ง และทุกคนตรวจสอบได้อย่างโปร่งใส อย่างไรก็ดี นับจากนี้ จะให้รายงานโครงการผ่านเว็บไซต์ทุกขั้นตอน ทุกคนสามารถเป็นหูเป็นตาช่วยกันตรวจสอบได้ ผ่านเว็บไซ์ของกรม และขอยืนยันว่า คณะกรรมการชุดดังกล่าว ไม่มีการเอื้อให้พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) หรือพรรคอื่นพรรคใด

“เสียงวิพากษ์วิจารณ์ ของคกก.กลั่นกรอง ไม่มีอำนาจชี้นำโครงการใดโครงการหนึ่ง ผมเข้ามาทำงาน ผมน้อมรับคำวิจารณ์ แต่กรรมการที่ตั้งใจเข้ามาช่วยก็อาจจะท้อ ถอดใจ เพราะไม่อยากเป็นเป้า ขอความเป็นธรรมให้คณะทำงานเราด้วย ซึ่งเราไม่มีเจตนาอื่น และหนึ่งในโปรเจคที่เราหวังมากคือพลังงานเพื่อชุมชน”

ส่วนการจัดทำยุทธศาสตร์กองทุนนอกสถานี ที่จังหวัดกาญจนบุรี ร่วมกับพลังงานจังหวัด เป็นการจัดอบรมในพื้นที่จ.กาญจนบุรี เป็นการของบสนับสนุนจากสำนักงานสุขภาพแห่งชาติ ที่ผู้ทำงานใกล้ชิดกับประชาชน และการที่ยกให้กาญจนบุรี เป็นพื้นที่ต้นแบบ นั้นมาจาก กาญจนบุรีโมเดลที่มีรูปแบบโครงการที่ประสบความสำเร็จเกิดขึ้นในพื้นที่แล้วล้วนเป็นประโยชน์ต่อประเทศในเรื่องของนโยบายโรงไฟฟ้าชุมชน และเป็นส่วนหนึ่งที่สอดคล้องกับแผนพลังงานที่จะมีการปรับแผนพีดีพี (PDP2018) โดยอาจจะมีการพิจารณาสัดส่วนพลังงานทดแทนอีกด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกัน ยูโอบี (ไทย) เปิดตัวโครงการยู-โซลาร์ จับมือพันธมิตร ได้แก่ บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน), บางกอก โซลาร์ พาวเวอร์ และ เค.จี.โซล่า สนับสนุนระบบนิเวศอุตสาหกรรมพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในภาคธุรกิจและครัวเรือนโดย ธนาคารยูโอบี นำเสนอโซลูชันทางการเงินแก่ผู้พัฒนาโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ สนับสนุนการเติบโตของอุตสาหกรรมพลังงานแสงอาทิตย์ โดยมีนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ร่วมงานด้วย

โดย นายตัน ชุน ฮิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารยูโอบี (ไทย) กล่าวว่า ภายใต้นโยบายของรัฐบาลที่มุ่งขับเคลื่อนการเติบโตในภาคพลังงานหมุนเวียนนี้ เราเชื่อว่าโครงการยู-โซลาร์ จะสามารถเข้าไปช่วยสนับสนุนความก้าวหน้าของอุตสาหกรรมพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทย ด้วยการกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาและการปรับเปลี่ยนมาใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในภาคธุรกิจและภาคประชาชน และเชื่อว่าจะสามารถเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างอนาคตสีเขียวให้กับประเทศไทยต่อไป