Blue Bear เปิดตัว หน้ากากผ้า-แจ็กเก็ต ลดไวรัส 99% ภายใน 2 ชม.

‘Blue Bear’ พลิกวิกฤตโควิด ทุบธุรกิจเสื้อผ้าสำเร็จรูป เปิดตัวนวัตกรรมใหม่ หน้ากากผ้ารุ่นเซฟการ์ด เสื้อแจ็กเก็ตป้องกันไวรัส 99% ภายใน 2 ชั่วโมงบนพื้นผิวผ้า พร้อมยับยั้งแบคทีเรีย ใส่สบาย ไม่ระคายเคืองผิว ช่วยลดกลิ่นอับชื้น เตรียมจำหน่ายวันแรก 5 ส.ค.นี้ พร้อมจัดโปรโมชั่นพิเศษฉลองเดือนแห่งวันแม่ลดราคากว่า 30% ตั้งเป้ายอดขาย 1 แสนชิ้น ภายในปีนี้

นายยุทธนา ศิลป์สรรค์วิชช์ ซีอีโอ บริษัท พาลาดิน เวิร์คแวร์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเสื้อผ้าสำเร็จรูป ชุดยูนิฟอร์มพร้อมใช้งาน (Ready to wear) ภายใต้แบรนด์ชั้นนำ “Blue Bear” เปิดเผยว่า บริษัทได้นำนวัตกรรมใหม่ มาผลิตเป็นหน้ากากผ้า และเสื้อแจ็กเก็ต แบรนด์ Blue Bear ที่มีคุณสมบัติสามารถลดเชื้อไวรัสบนพื้นผิวผ้าได้มากถึง 99% ภายในเวลา 2 ชั่วโมง จึงไม่เกิดการสะสมของเชื้อไวรัส และแบคทีเรียบนผ้าเป็นเวลานานข้ามวันเหมือนหน้ากากผ้าทั่วไป ช่วยเพิ่มการปกป้องได้มากขึ้น ทั้งยังสามารถนำไปซักและนำกลับมาใช้ใหม่ได้ โดยคุณสมบัติคงอยู่ ไม่อันตรายต่อผู้สวมใส่และสิ่งแวดล้อม

“สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่แม้จะผ่อนคลายลงแล้ว แต่ก็อาจจะเกิดมีการแพร่ระบาดขึ้นอีกระลอกใหม่ อีกทั้งยังเป็นช่วงหน้าฝน ที่สามารถเกิดการแพร่กระจายของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ A ได้ง่าย การใส่ผลิตภัณฑ์ Blue Bear ทั้งหน้ากากผ้ารุ่นเซฟการ์ดและเสื้อแจ็กเก็ตแอนตี้ไวรัส ช่วยให้คุณมั่นใจได้มากขึ้น อ้างอิงจากผลทดสอบผลิตภัณฑ์ ViralOff by Polygiene AB กับเชื้อไวรัสไข้หวัดชนิด influenza A สายพันธุ์ H3N2”

สำหรับหน้ากากผ้ารุ่นเซฟการ์ด : แอนตี้ไวรัส และแอนตี้แบคทีเรียของ Blue Bear ออกแบบมา 2 รูปทรง ทั้งทรงแบบสามมิติ หรือสไตล์เกาหลี (Korean Style) มีลวดปรับจมูกมีเฉพาะขนาดของผู้ใหญ่ และทรงสองมิติ หรือสไตล์ยุโรป (European Style) คล้ายกับหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ที่สวมใส่ง่าย มี 3 ขนาด ผู้ใหญ่ เด็กเล็กและเด็กโต คุณหนูๆ สามารถสวมใส่ได้เอง ซึ่งหน้ากากทุกชิ้นจะมาพร้อมกับซิลิโคนปรับสายคล้องหูหมดปัญหาหน้ากากหลวมหรือคับไป

นอกจากนี้ยังแถมสายคล้องหน้ากากแก้ปัญหาการลืมวางหน้ากากทิ้งไว้อีกด้วย ส่วนเสื้อแจ็กเก็ตแอนตี้ไวรัส เป็นเสื้อสวมทับลำลองแขนยาวและมีฮู้ทในตัว มีทั้งหมด 3 สี คือ ดำ, เทา, โอโรส, และ 4 ไซส์ให้เลือก เหมาะกับการใส่เพื่อเดินทาง หรือผู้ที่ต้องการการป้องกันการติดเชื้อทั้งไวรัสและแบคทีเรีย สามารถซักและใช้ซ้ำได้

โดย Blue Bear ได้เปิดให้ลูกค้าสั่งจอง (Pre-Order) ตั้งแต่ช่วงเดือนกรกฎาคม ทางเพจเฟซบุ๊ก (Facebook) และไลน์ออฟฟิเชียล (Line OA) และจะเริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 5 สิงหาคมนี้ พร้อมกับเสื้อแจ็กเก็ตแอนตี้ไวรัสและแอนตี้แบคทีเรีย โดยคาดว่าในปีนี้จะสามารถจำหน่ายได้ประมาณ 1 แสนชิ้น

พร้อมกันนี้ Blue Bear ได้จัดโปรโมชั่นพิเศษ เพื่อร่วมฉลองเดือนแห่งวันแม่ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 15 สิงหาคม ลดราคาพิเศษกว่า 30% โดยหน้ากากผ้ารุ่นเซฟการ์ด : แอนตี้ไวรัส จากราคา 259 บาท เหลือเพียง 169 บาท พร้อมสายคล้องหน้ากาก ส่งลงทะเบียนฟรี และเปิดสั่งจองเสื้อแจ็กเก็ต : แอนตี้ไวรัสและแอนตี้แบคทีเรียจากราคาปกติ 1,290 บาท ได้ในราคาเพียง 890 บาท พร้อมส่งฟรีลงทะเบียน โดยผู้สนใจสามารถสั่งซื้อ-สั่งจองได้หลากหลายช่องทางทั้งทางเว็บไซต์ www.bluebearuniform.com เพจเฟซบุ๊ก Blue Bear Uniform, Line Official : Blue Bear Uniform และแพลตฟอร์มซื้อขายออนไลน์ชั้นนำทั่วไป อาทิ Shopee, Lazada เป็นต้น สามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมทางเบอร์ 02-0505993

สำหรับคุณสมบัติหน้ากากผ้ารุ่นใหม่นี้ ผ้าชั้นนอกใช้สารไทเทเนียมไดออกไซด์และซิลเวอร์คลอไรด์ เพื่อเป็นตัวสร้างคุณสมบัติในการลดไวรัสได้ 99% ในเวลา 2 ชั่วโมง ส่วนผ้าชั้นในได้นำซิงค์ออกไซด์มาหลอมละลายที่อุณหภูมิสูงกว่า 300 องศาเซลเซียส ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย ที่เป็นสาเหตุของกลิ่นอับหรือกลิ่นเหม็นรบกวน ทำให้ผู้สวมใส่หน้ากากผ้าของ Blue Bear สามารถสวมใส่ได้ตลอดทั้งวันหมดกังวลเรื่องของกลิ่น

นอกจากนั้น หน้ากากผ้าและเสื้อแจ็กเก็ตของ Blue Bear ยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผ่านมาตรฐานรับรองจากห้องปฏิบัติการทั้งในและต่างประเทศ ผ่านการทดสอบจาก ‘BOKEN’ ห้องปฏิบัติการชั้นนำจากญี่ปุ่น ซึ่งตรวจสอบรับรองการลดไวรัสได้ 99% ในเวลา 2 ชั่วโมง และผ่านการตรวจสอบจาก บริษัท SGS (ประเทศไทย) จำกัด ห้องปฏิบัติการชั้นนำของไทย ในเรื่องลดการเติบโตของแบคทีเรีย สตาฟิโลคอคคัส ออเรียส (Staphylococcus aureus) และโมแรกเซลลา ออสโลเอนซิส (Moraxella osloensis) ที่อยู่ในน้ำลาย ว่ามีอัตราเจริญเติบโตลดลง แม้ว่าจะผ่านการทดสอบด้วยการซักถึง 30 ครั้ง ก็พบว่าการใช้งานยังอยู่ระดับเกณฑ์ที่มีประสิทธิภาพดีกว่าหน้ากากผ้าทั่วไป

นายยุทธนากล่าวอีกว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 นอกจากจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของประชาชนแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อเนื่องในหลายภาคธุรกิจ โดยในส่วนของบริษัทฯ ก็เช่นเดียวกัน เห็นได้จากปริมาณการสั่งซื้อชุดยูนิฟอร์มซึ่งเป็นสินค้าหลักในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2563 ปริมาณลดลง 50-60% คิดเป็นมูลค่าประมาณ 30-40 ล้านบาท ดังนั้น การที่บริษัทปรับตัวพัฒนาโดยการนำนวัตกรรมของผ้าที่ได้มาตรฐาน มาผลิตเป็นหน้ากากผ้ารวมถึงเสื้อแจ็กเก็ตนั้น จะช่วยป้องกันและลดการสะสมของเชื้อไวรัสดังกล่าว ถือเป็นสินค้าใหม่ที่ตอบโจทย์กระแสความต้องการในช่วงวิกฤต บรรเทาผลกระทบและยังสร้างโอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจให้เกิดขึ้น

“บริษัทได้พยายามปรับโมเดลธุรกิจ พัฒนาแบรนด์ “Blue Bear” ให้เป็นรู้จักทั้งในและต่างประเทศ หลุดพ้นจากการเป็นผู้รับจ้างผลิต หรือ OEM โดยมีการพัฒนาต่อยอด สร้างมูลค่าเพิ่ม ซึ่งในอนาคตจะนำนวัตกรรมผ้านี้ ไปพัฒนาเป็นสินค้าอื่นๆ ต่อไป เพื่อตอบโจทย์การใช้งานของผู้บริโภคได้หลากหลายกิจกรรมมากขึ้น นอกจากนี้ เรากำลังพัฒนานวัตกรรมหน้ากากชนิดใหม่ที่มีส่วนผสมของสารคอปเปอร์ออกไซด์ แบบกันน้ำและลดเชื้อไวรัสใน 2 ชั่วโมง คาดว่าใช้เวลา 2-3 เดือนจะเริ่มวางตลาดได้”