หอการค้าไทย-จีน มองเศรษฐกิจไทยทั้งปีโต 1.5-2% แรงหนุนจากแผนฉีดวัคซีน

เตรียมตัวฉีดวัคซีนโควิดกรณีมีโรคประจำตัว
Image by DoroT Schenk from Pixabay

หอการค้าไทย-จีน เผยผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นเศรษฐกิจไตรมาส 2/2564 ของไทย โตต่อเนื่อง หลังไทยมีนโยบายฉีดวัคซีนทั่วประเทศ คาดเศรษฐกิจไทยปี 2564 โต 1.5-2.5%

นายณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล ประธานกรรมการ หอการค้าไทย-จีน เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย-จีน เครือข่ายสมาพันธ์หอการค้าไทย-จีน และสมาคมธุรกิจต่าง ๆ กว่า 60 สมาคม ตลอดจนกลุ่มธุรกิจรุ่นใหม่ ผู้ประกอบการขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่

พบว่า 60.4% ยังคงมีความมั่นใจต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ การค้า การลงทุนจีนในไตรมาสที่ 2 /2564 จะฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว แม้จะประสบปัญหาจากการระบาดโควิด-19 ตั้งแต่ต้นปี 2563 ประกอบกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์เศรษฐกิจจีนในปี 2564 จะโตมากกว่า 8.1% ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกต่อเศรษฐกิจไทยจากการส่งออกและนำเข้าระหว่างไทยจีนที่จะฟื้นตัวมากขึ้น

ณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล

ทั้งนี้ ผลสำรวจกว่า 54.3% มองว่าการส่งออกจากไทยไปจีนจะเพิ่มขึ้นตามทิศทางเศรษฐกิจของจีนที่ยังคงเติบโตต่อเนื่อง และ 51.3% คาดว่าการนำเข้าของไทยจากจีนเริ่มเห็นทิศทางการฟื้นตัวเช่นกัน ขณะที่การลงทุนในไทยจากผลสำรวจ 81% ให้ความเห็นถึงแนวโน้มการเข้ามาลงทุนของนักลงทุนจีนจะไม่ลดลง และมีทิศทางที่จะเพิ่มขึ้น ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่จะเข้าประเทศไทยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกันเป็นผลมาจากมาตรการสนับสนุนการท่องเที่ยว รวมถึงการมีวัคซีนป้องกันโรคระบาดโควิด-19 รอบใหม่ ซึ่งปัจจุบันรัฐบาลจีนได้เริ่มมีการฉีดให้กับประชาชนอย่างต่อเนื่อง

สำหรับธุรกิจรายสาขา ที่จะเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 2 ของปีนี้ จากการสำรวจให้น้ำหนักและมีความมั่นใจในธุรกิจออนไลน์ ธุรกิจพืชผลการเกษตร ธุรกิจโลจิสติกส์ ธุรกิจบริการสุขภาพ และธุรกิจเกษตรแปรรูป ทั้งนี้การคาดการณ์ต่อสถานการณ์ต่อภาวะเศรษฐกิจไทยในปี 2564 พบว่า 49.9% ของผู้ให้ข้อมูลคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะโตอยู่ระหว่าง 1.5-2.5%

โดยผู้ให้ข้อมูลยังมีความกังวลต่อเศรษฐกิจไทยใน 5 ด้าน ประกอบไปด้วยการระบาดอย่างต่อเนื่องของโรคระบาดใหม่โควิด-19 ที่ต่อเนื่อง ไปจนถึงปี 2565 ปัญหาที่เกิดจากเสถียรภาพทางการเมืองโอกาสที่เศรษฐกิจโลกจะตกต่ำต่อเนื่อง หนี้ภาครัฐและหนี้ภาคครัวเรือน และประสิทธิภาพของวัคซีน

นอกจากนี้ 82.4% ของผู้ตอบคำถามเห็นด้วยว่าการฉีดวัคซีนจะมีส่วนฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย และ 52.8% เห็นด้วยว่าหากต่างชาติได้รับการฉีดวัคซีนแล้วสามารถเดินทางมายังประเทศไทยได้ โดยไม่ต้องรับการกักตัว ส่วนการเข้ารับตำแหน่งของ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เชื่อว่าจะนำไปสู่การปรับนโยบายเศรษฐกิจและนโยบายการต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา ผู้ให้ข้อมูล 47.9% ประเมินว่าไม่มีผลต่อเศรษฐกิจไทย ขณะที่ 37.2% คิดว่าจะส่งผลทางบวกต่อเศรษฐกิจไทย

“ผลการสำรวจดัชนีเชื่อมั่นในไตรมาส 1 และไตรมาส 2 เห็นแนวโน้มการขยายตัวทางการค้าไทยและจีนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสอดคล้องกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนโดยเดือนมกราคม 2564 การค้าไทย-จีนมีมูลค่า 7,579 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 6.11% โดยไทยส่งออกไปจีนมีมูลค่า 2,314 ล้านเหรียญสหรัฐ”

อย่างไรก็ตาม ผลสำรวจความเชื่อมั่นฯ 85.09% เห็นว่าภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวมีความจำเป็นต้องได้รับการแก้ไขเร่งด่วน โดยเห็นว่าอุตสาหกรรมดังกล่าวเป็นเครื่องจักรสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย จึงสนับสนุนแนวทางการออกมาตรการเปิดประเทศอย่างปลอดภัย เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 แล้ว

และต้องการเข้ามาท่องเที่ยวและผักผ่อนในประเทศไทย โดยขอให้ภาครัฐบาลเร่งรัดการประกาศนโยบายออกมาให้ชัดเจนเพื่อผู้ประกอบการภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องทั้งหลายจะได้มีเวลาเตรียมตัวและนักท่องเที่ยวต่างชาติดังกล่าวจะได้มีเวลาวางแผนการท่องเที่ยวล่วงหน้า

ทั้งนี้ปี 2564 เป็นปีที่ครบ 100 ปีแห่งการก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีน และยังเป็นปีเริ่มต้นของการดำเนินงานแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติระยะ 5 ปี ฉบับที่ 14 (ปี 2564-2568) และจากการประชุมสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติจีนในช่วง วันที่ 5 มีนาคมที่ผ่านมา ยังได้กำหนดเป้าหมายหลักในแผนดังกล่าว

โดยเฉพาะการกำหนดเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจปีนี้ คาดว่า GDP จะเติบโตมากกว่า 6% และ สามารถสร้างงานกว่า 11 ล้านตำแหน่งในเขตเมือง ฯลฯ และ 5 ปีข้างหน้าจีนจะยังคงส่งเสริมระบบพหุภาคี และจับมือกับพันธมติรทั่วโลก เพื่อส่งเสริมการพัฒนาร่วมกัน จึงเป็นสัญญาณที่บวกต่อเสถียรภาพเศรษฐกิจโลกซึ่งรวมถึงไทยอีกด้วย