ฟิลิปปินส์หั่นภาษีนำเข้า ข้าวอาเซียน เอกชนจี้รัฐส่งพันธุ์ใหม่ชิงมาร์เก็ตแชร์คืน

ฟิลิปปินส์หั่นภาษีน้ำเข้าข้าวอาเซียน
ภาพโดย 5657616 จาก Pixabay

“ฟิลิปปินส์” หั่นภาษีนำเข้าข้าว “อาเซียน” ลง 5% ยาว 1 ปี หวังสร้างความมั่นคงทางอาหาร-ลดเงินเฟ้อ ผู้ส่งออกผนึกพาณิชย์เตรียมทวงคืนตลาดข้าวขาวจากเวียดนาม กระตุ้นข่าวดีรับผลผลิตข้าวใหม่ออกสู่ตลาด

ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดี โรดริโก ดูเตอร์เต ของฟิลิปปินส์ ประกาศแถลงการณ์ลดอัตราภาษีนำเข้าข้าว เพื่อความมั่นคงด้านอาหารและปกป้องผู้บริโภค สำหรับอัตราภาษีสำหรับการซื้อในโควตาจะลดลง 4% เหลือ 35% จาก 40% ส่วนปริมาณนอกโควตาเหลือ 50% เป็นระยะเวลา 1 ปี กระทรวงเกษตรคาดการณ์ว่า ประเทศจะนำเข้าอาหารหลักอย่างน้อย 1.7 ล้านตันในปีนี้ ซึ่งมากกว่า 90% ของความต้องการนำเข้าจากเวียดนาม ส่วนผลผลิตข้าวเปลือกของฟิลิปปินส์ได้ 20.5 ล้านตัน

ด้านนายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า แนวโน้มการส่งออกข้าวไปฟิลิปปินส์ในครึ่งปีหลัง 2564 น่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นมากกว่า 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งภาพรวมการส่งออกไปยังฟิลิปปินส์ลดลงมาต่อเนื่อง โดยในปี 2563 มีปริมาณ 79,607 ตัน มูลค่า 37 ล้านเหรียญสหรัฐ จากปี 2562 ที่ส่งออกได้ 327,720 ตัน มูลค่า 124 ล้านเหรียญสหรัฐ และล่าสุดในช่วง 3 เดือนแรก (มกราคม-มีนาคม 2564) ส่งออกได้ 19,663 ตัน ลดลง 27.9% มูลค่า 10 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 12.8% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน จากทั้งปัจจัยเรื่องการแข่งขันด้านราคา

ล่าสุดได้เข้าร่วมประชุมกับกรมการค้าต่างประเทศ สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงมะนิลา และผู้นำเข้าข้าวฟิลิปปินส์ 21 ราย ผ่านระบบ video conference เมื่อวันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมา ได้แลกเปลี่ยนข้อมูลกัน ซึ่งปัจจุบันฟิลิปปินส์เปิดให้เอกชนนำเข้าข้าวโดยเสรี จากเดิมต้องผ่านภาครัฐ แต่การนำเข้ายังต้องเสียภาษีนำเข้า แม้ว่าล่าสุดทางฟิลิปปินส์จะลดภาษีนำเข้าให้อาเซียนเหลือ 35% แต่ก็มีแนวโน้มที่อาจจะลดภาษีนำเข้าให้อินเดียเหลือ 35% เช่นกัน

“ไทยยังต้องแข่งขันด้านราคากับคู่แข่ง โดยเฉพาะราคาข้าวเวียดนาม อินเดีย โดยปัจจุบันราคาข้าวขาวเวียดนาม ตันละ 480 เหรียญสหรัฐ อินเดีย ตันละ 400 เหรียญสหรัฐ ส่วนราคาข้าวไทย ตันละ 475-480 เหรียญสหรัฐ เดิมเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา จากปัญหาเรื่องของภัยแล้งทำให้ปริมาณผลผลิตข้าวไทยน้อย ราคาสูงกว่าคู่แข่ง”

อย่างไรก็ตาม ปีนี้คาดว่าปริมาณผลผลิตข้าวของไทยจะปรับตัวดีขึ้น โดยข้าวขาวในรอบนาปรังจะมีผลผลิตเพิ่มจาก 3 เป็น 4-5 ล้านตันข้าวเปลือก และข้าวขาวนาปีคาดว่าจะมีปริมาณ 20 จากเดิมที่มี 16 ล้านตันข้าวสาร จากสถานการณ์ฝนที่ดีขึ้น ซึ่งน่าจะส่งผลต่อราคาข้าวไทยลดลง ประกอบกับค่าเงินบาทอ่อนค่า ทำให้ข้าวไทยสามารถแข่งขันได้ และอินเดียประสบปัญหาโควิดรุนแรง ซึ่งน่าจะทำให้ประเทศผู้นำเข้าจะหันมานำเข้าข้าวจากไทยมากขึ้น

นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ฟิลิปปินส์เป็นประเทศผู้นำเข้าข้าวรายใหญ่ที่สุดของโลก ในปี 2562 มีปริมาณการนำเข้าข้าวสูงถึง 2.77 ล้านตัน และมีแนวโน้มว่าฟิลิปปินส์จะนำเข้ามากขึ้นในช่วง 2-3 ปี

“กลุ่มผู้นำเข้าเสนอไทยให้จัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์ส่งเสริมการขาย เช่น การจัดกิจกรรม Instore-Promotion และให้มีการลดราคาข้าวเพื่อเพิ่มส่วนแบ่งตลาดให้สูงขึ้น ซึ่งทาง สคต.กรุงมะนิลา ในฐานะเซลส์แมนประเทศ มีแผนจัดกิจกรรมดังกล่าวช่วงไตรมาสที่ 3-4 หลังจากสถานการณ์โควิด-19 ดีขึ้น”

สอดคล้องกับ นายสมบัติ เฉลิมวุฒินันท์ ประธานบริษัท เอเซีย โกลเด้นไรซ์ จำกัด กล่าวว่า การที่ฟิลิปปินส์ลดภาษีนำเข้าข้าวให้ไทย น่าจะเป็นประโยชน์ต่อการส่งออกข้าวในช่วงครึ่งปีหลัง อย่างไรก็ตาม ไทยยังต้องแข่งขันกับเวียดนามเป็นหลัก เพราะช่วงหลังมานี้ ฟิลิปปินส์นิยมบริโภคข้าวเวียดนามเป็นหลัก โดยเฉพาะพันธุ์ข้าวนุ่มของเวียดนาม ซึ่งมีความนุ่ม แต่ราคาสูงกว่าข้าวขาวของไทยไม่มาก แนวทางที่จะพลิกฟื้นการส่งออกในตลาดนี้ ไทยต้องพัฒนาการผลิตพันธุ์ข้าวพื้นนุ่มให้ได้มากขึ้น

“ผมมองว่าการส่งออกข้าวของไทยน่าจะกระเตื้องขึ้นหลังจากผ่านเดือนกรกฎาคมไปแล้วในแง่ปริมาณ เพราะมีการคาดการณ์ว่าผลผลิตจะเพิ่มขึ้น”