เกษตรฯ เร่งสำรวจความเสียหาย ช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย เผยมวลน้ำเหนือสะสมริมคลองชัยนาท-ป่าสัก กรมชลฯงัดแผนปรับลดระบายน้ำ ประสานผู้ว่าฯแจ้งเตือนสถานการณ์น้ำให้ประชาชนชาวลพบุรีในทุกอำเภอให้ความช่วยเหลือประชาชนทันที พร้อมแผนอพยพ ชี้พื้นที่เพาะปลูกได้รับความเสียหายรวมแล้วกว่า 350,215 ไร่
วันที่ 28 กันยายน 2564 นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร ลงพื้นที่จังหวัดลพบุรีติดตามสถานการณ์น้ำท่วมเพื่อเร่งให้ความช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบ ได้รับรายงานตัวเลขภาพรวม (ข้อมูลวันที่ 27 กันยายน 2564) ความเสียหายด้านพืชเบื้องต้นของจังหวัดลพบุรี มีเกษตรกรที่ประสบภัย จำนวน 50,184 คน ใน 82 ตำบล 972 หมู่บ้าน
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
มีพื้นที่เพาะปลูกได้รับความเสียหายรวม 350,215 ไร่ โดยแบ่งเป็นข้าว 99,233 ไร่ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 89,346 ไร่ มันสำปะหลัง 136,367 ไร่ อ้อยโรงงาน 23,530 ไร่ และไม้ผล/ผัก 1,739 ไร่
ทั้งนี้ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เร่งสำรวจความเสียหายในพื้นที่การเกษตรที่คาดว่าจะได้รับความเสียหาย และให้เร่งลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบอีกครั้งว่ามีความเสียหายโดยสิ้นเชิงหรือไม่ เพื่อเร่งรัดดำเนินการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติตามระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2562 หลักเกณฑ์การใช้จ่ายเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2563 และหลักเกณฑ์วิธีปฏิบัติปลีกย่อยเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือด้านการเกษตรผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2564
โดยจะนำเสนอคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติอำเภอ/จังหวัด (ก.ช.ภ.อ./ก.ช.ภ.จ.) พิจารณาให้ความช่วยเหลือตามขั้นตอนอย่างเคร่งครัดต่อไป โดยดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือน นับตั้งแต่วันที่เกิดภัยพร้อมทั้งพื้นที่ทั่วประเทศ
ทั้งนี้ กรมส่งเสริมการเกษตรได้เตรียมพร้อมเจ้าหน้าที่เพื่อให้คำแนะนำแก่เกษตรกร ในการวางแผนการเพาะปลูกให้สอดคล้องกับสถานการณ์น้ำในพื้นที่ การดูแลรักษา และการจัดการความชื้นในฤดูฝน การจัดการพื้นที่และการระบายน้ำออกจากพื้นที่เพาะปลูก การฟื้นฟูพืชหลังน้ำลด การป้องกันกำจัดศัตรูพืช การสนับสนุนพันธุ์ไม้ผล ไม้ยืน
นอกจากนี้ยังได้กำชับให้สำนักงานเกษตรจังหวัดรายงานความก้าวหน้าผลการสำรวจความเสียหายและการให้ความช่วยเหลือให้กรมส่งเสริมการเกษตรทราบทุกสัปดาห์จนกว่าการช่วยเหลือจะแล้วเสร็จ
ด้านนายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ปริมาณน้ำจากพื้นที่ทางตอนบนของจังหวัดลพบุรีจะไหลต่อเนื่องลงมาสะสมในพื้นที่ริมคลองชัยนาท-ป่าสัก ฝั่งตะวันออกโดยระดับน้ำจะเพิ่มขึ้นช้าๆ แผ่กว้างออกไป ตามที่มีฝนตกหนักมากทั่วทั้งจังหวัดลพบุรี ติดต่อกันในช่วง 23- 25 กันยายนที่ผ่านมา
ทำให้น้ำป่าจากพื้นที่ทางตอนบนของจังหวัด ได้แก่ อำเภอสระโบสถ์ อำเภอโคกเจริญ อำเภอหนองม่วง และอำเภอโคกสำโรง ไหลตามเส้นทางน้ำมาถึงพื้นที่ตำบลดงพลับ ตำบลหนองเมือง อำเภอบ้านหมี่ ตั้งแต่เมื่อเวลาเที่ยงคืนของวันที่ 26 กันยายน ที่ผ่านมา ส่งผลกระทบตามลำดับ ตั้งแต่พื้นที่ตำบลหนองกระเบียน ตำบลหนองเมือง ตำบลบ้านกล้วย ตำบลบ้านทราย ตำบลหนองทรายขาว และจะไปสะสมที่ตำบลพุคา ซึ่งคาดว่าจะมีน้ำท่วมสูงประมาณ 80 เซนติเมตร ถึง 1 เมตร 20 เซนติเมตร
ขณะเดียวกัน กรมชลประทาน ได้ปรับลดการรับน้ำเข้าคลองชัยนาท-ป่าสัก ที่ประตูมโนรมย์ อำเภอมโนรมย์ จังหวัดชัยนาท จาก 16 ล้านลูกบาศก์เมตร/วัน เหลือเพียง 4 ล้าน ลูกบาศก์เมตร/วัน เพื่อพร่องน้ำ ลดระดับน้ำในคลอง และเดินเครื่องสูบน้ำของสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าทั้ง 11 แห่ง สามารถสูบน้ำได้วันละ 2,500,000 ลูกบาศก์เมตร ลงสู่คลองชัยนาท-ป่าสัก เพื่อระบายลงสู่แม่น้ำป่าสักต่อไป โดยน้ำส่วนนี้จะไม่ไหลเข้าพื้นที่ฝั่งตะวันตกของคลองชัยนาท-ป่าสักในเขตอำเภอท่าวุ้ง และอำเภอบ้านหมี่แต่อย่างใด
ทั้งนี้ ได้ประสานไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประสานแจ้งเตือนสถานการณ์น้ำให้ประชาชนในทุกอำเภอได้เตรียมความพร้อมทุกด้าน และพร้อมให้ความช่วยเหลือประชาชนทันที โดยให้วางแผนอพยพ กำหนดจุดพักพิงสำหรับประชาชนและขนย้ายประชาชนออกจากพื้นที่เพื่อเกิดความปลอดภัยทันที นอกจากนี้ยังได้รับการสนับสนุนจากหน่วยทหารในพื้นที่ซึ่งสนับสนุนทั้งกำลังพล เครื่องมือ อุปกรณ์กู้ชีพกู้ภัย