จุรินทร์ ทัวร์ชัยนาท หนุนพัฒนาพันธุ์ข้าว คาดปี67 ส่ง 12 พันธุ์ใหม่สู่ตลาด

“จุรินทร์” ออนทัวร์ชัยนาท เปิดประกวดข้าวพันธุ์ใหม่ ชูยุทธศาสตร์”ตลาดนำการผลิต” ตอบโจทย์โลก คาดในปี 67 ส่งข้าวพันธุ์ใหม่อย่างน้อย 12 พันธุ์

วันที่ 5 พฤศจิกายน 2564 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นำคณะ ผู้บริหารกระทรวง พร้อมด้วย ร.ต.ท. เจริญ เหล่าธรรมทัศน์  นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย นายนที มนตริวัต รองผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท สมาคมโรงสีข้าวไทย เปิดโครงการประกวดข้าวพันธุ์ใหม่ เพื่อการพาณิชย์ ภายใต้ยุทธศาสตร์ข้าวไทย ที่ศูนย์วิจัยข้าวชัยนาท ตําบลเขาท่าพระ อําเภอเมือง ชัยนาท จังหวัดชัยนาท

“วันนี้ถือว่าเป็นวันประวัติศาสตร์วันหนึ่งของการเกษตรไทย เป็นครั้งแรกที่มีการจับมือกันทำกิจกรรมที่เป็นอนาคตข้าวของประเทศไทย โดย 4 หน่วยงาน กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยและสมาคมผู้รวบรวมและจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ข้าว จะมีผลทำให้อนาคตข้าวไทย เดินหน้าไปสู่ความรุ่งโรจน์อีกครั้งนึง”

สำหรับความร่วมมือระหว่างกระทรวงเกษตรฯกับกระทรวงพาณิชย์ เราดำเนินการมาเป็นระยะ ตั้งแต่ตนมารับผิดชอบ คือ วิสัยทัศน์ “เกษตรผลิตพาณิชย์ตลาด” ภายใต้ยุทธศาสตร์ “ตลาดนำการผลิต” และได้รับความร่วมมือจากภาคเอกชน สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย มาช่วยเติมเต็มทำให้การทำงานของทั้ง 2 กระทรวงก้าวหน้า  ซึ่งอดีตยุทธศาสตร์ข้าวนั้นยังไม่มีการรวบรวมและกำหนดอย่างเป็นทางการมาก่อน เป็นครั้งแรกที่มียุทธศาสตร์ข้าวเกิดขึ้น

โดยยุทธศาสตร์ข้าวไทย กำหนดระยะเวลา 5 ปี ตั้งแต่ 63-67 โดยตนเป็นประธานและทำงานร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรฯ ทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย สมาคมเกษตรกร สภาการเกษตร สมาคมชาวนาและทุกสมาคมที่เกี่ยวข้อง นำเสนอผ่านที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ(นบข.)และที่ประชุมคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบอย่างเป็นทางการ มีจุดมุ่งหมายให้ประเทศไทยเป็นผู้นำการผลิต การตลาดข้าวและผลิตภัณฑ์ข้าวคุณภาพของโลกโดยใช้ยุทธศาสตร์ “ตลาดนำการผลิต”

ซึ่งยุทธศาสตร์ที่ตอบโจทย์ปัญหาชัดเจน 1.การลดต้นทุนการผลิต เป้าหมาย ภายใน 5 ปี จะลดต้นทุนการผลิต จากไร่ละ 6,000 บาทให้เหลือไม่เกิน 3,000 บาท 2.จะเพิ่มผลผลิตจากปัจจุบันไร่ละ 465 กิโลกรัม เป็น 600 กิโลกรัมต่อไร่เป็นอย่างต่ำ และ 3.ปรับปรุงพันธุ์ข้าว เพราะรสนิยมการบริโภคข้าวโลกเปลี่ยนไปจากอดีตที่นิยมข้าวพื้นแข็ง ปัจจุบันตลาดโลกเป็นตลาดของข้าวพื้นนุ่ม แต่ประเทศไทยไม่สามารถผลิตข้าวพันธุ์ใหม่ได้ทันต่อเหตุการณ์ทำให้ขาดความหลากหลาย ไม่สนองความต้องการของตลาด เสียศักยภาพในการแข่งขันในตลาดข้าวโลก

ซึ่งการปรับปรุงพันธุ์ต้องใช้ระยะเวลาไม่สามารถทำได้อย่างรวดเร็ว ยุทธศาสตร์ข้าวจึงเป็นธงนำที่กำหนดชัดเจนว่าภายใน 5 ปีจะต้องสร้างข้าวพันธุ์ใหม่ให้ได้อย่างน้อย 12 พันธุ์ โดยเป็นข้าวพื้นแข็ง 4 พันธุ์ ข้าวพื้นนุ่ม 4 พันธุ์ ข้าวหอมมะลิ 2 พันธุ์และข้าวโภชนาการสูง เพื่อตอบสนองต่อความตลาดยุคใหม่อีก 2 พันธุ์ รวมเป็น  12 พันธุ์ภายใน 5 ปี

วันนี้เป็นการนับหนึ่งของประวัติศาสตร์ เอาภาคเอกชนมามีบทบาทสำคัญจับมือกับภาครัฐ กระทรวงเกษตรฯ กระทรวงพาณิชย์ ร่วมกันคัดข้าวพันธุ์ใหม่ ที่จะนำเสนอต่อตลาดโลก นำรายได้เข้าประเทศ ทำให้ข้าวไทยผงาดขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งในอนาคต

โดยครั้งนี้มีผู้ส่งข้าวเข้าประกวดถึง 48 ราย และเปลี่ยนเกณฑ์การตัดสินจากเน้นกายภาพเป็นมุ่งเน้น 3 เรื่องสำคัญ เพื่อให้ข้าวที่ชนะการประกวดสามารถตอบสนองต่อความต้องการของตลาดโลก นำไปสู่การพาณิชย์นำรายได้เข้าประเทศ ซึ่งจะมีการตัดสินในเดือนธันวาคม อย่างน้อยประเทศไทยจะมีคำตอบที่เป็นรูปธรรมว่า จะได้ข้าวพันธุ์ใหม่เพิ่มอีกกี่พันธุ์

จะช่วยให้เกษตรกรอยู่ดีกินดีขึ้นมีรายได้เลี้ยงครอบครัวได้มากขึ้น นอกจากนี้ยังมีนโยบายอื่นเข้ามาช่วยเหลือ เช่น นโยบายประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว และมาตรการคู่ขนาน เงินเยียวยาช่วยเหลือ เพื่อให้เกษตรกรสามารถยังชีพได้อย่างมีความสุขและมีศักดิ์ศรีในฐานะชาวนาเกษตรกรผู้ปลูกข้าวไทย และมีส่วนช่วยให้ประเทศไทยมีรายได้เข้าประเทศเพิ่มขึ้น ให้ข้าวไทยของเราผงาดในตลาดโลกขึ้นมาได้อีกครั้งหนึ่ง หรือรุ่งเรืองยิ่งขึ้นต่อไป

นอกจากนี้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้พูดคุยกับทูตพาณิชย์จากต่างประเทศผ่านระบบ zoom ว่าเร่งรัดให้บุกเบิกตลาดข้าวใหม่ ส่งเสริมตลาดเดิมและตลาดข้าวที่เราสูญเสียไปให้กลับคืนมาเป็นตลาดข้าวของเราให้ได้

และสำหรับพาณิชย์จังหวัด ขอให้ทีมเซลล์แมนจังหวัดได้มีบทบาทสำคัญในการเปิดตลาดข้าวทั้งในประเทศและส่งต่อทีมเซลล์แมนประเทศให้ไปขายข้าวในตลาดต่างประเทศ  และลงไปแก้ปัญหาราคาข้าวและปัญหาอื่นๆ ในขณะนี้