คสรท.ร้องของขวัญปีใหม่ “บิ๊กอู๋” ปรับค่าจ้างขั้นต่ำวันละ 712 บาทเท่ากันทั่วปท. นายจ้างโต้ทำไม่ได้

เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม นายชาลี ลอยสูง รองประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.) กล่าวถึงการเตรียมพร้อมแสดงจุดยืนปรับค่าจ้างขั้นต่ำประจำปี 2561 ว่า คสรท.จะเดินทางไปยังกระทรวงแรงงาน เพื่อขอแสดงจุดยืนการปรับค่าจ้างขั้นต่ำ ที่ทางคณะกรรมการค่าจ้างจะมีการพิจารณาและประกาศใช้ในปี 2561 โดย คสรท.ไม่เห็นด้วยกับการปรับค่าจ้างไม่เท่ากัน เนื่องจากการปรับเช่นนี้ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง เพราะข้อเท็จจริงแล้วต้องปรับค่าจ้างเท่ากันทั่วประเทศ และต้องปรับขึ้นตามอัตราค่าครองชีพ ณ ปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงไป

นายชาลีกล่าวอีกว่า คสรท.ได้มีการสำรวจค่าครองชีพผู้ใช้แรงงานเดือนกันยายน 2560 จำนวน 2,959 คน แบ่งเป็นเพศชาย 982 คน เป็นเพศหญิง 1,962 คน ไม่ได้ระบุเพศ 15 คน  โดยสำรวจ 4 ภูมิภาค ครอบคลุม 29 จังหวัด ประกอบด้วย ภาคกลางและตะวันออก มีจ.ฉะเชิงเทรา ปทุมธานี นครปฐม กรุงเทพฯ สมุทรปราการ  ระยอง  อ่างทอง ชลบุรี สระบุรี  ปราจีนบุรี พระนครศรีอยุธยา  สมุทรสาคร  ภาคอีสาน มีจ.สกลนคร กาฬสินธุ์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี สุรินทร์ อุดรธานี นครพนม นครราชสีมา ขอนแก่น ภาคเหนือ มีเชียงใหม่ เชียงราย น่าน ลำปาง และภาคใต้ มีนครศรีธรรมราช นราธิวาส  ชุมพร และพัทลุง

นายชาลีกล่าวว่า โดยผลสำรวจพบว่า ช่วงอายุงานของลูกจ้างทำงานมาแล้วเฉลี่ยสูงสุด  6-10 ปี ซึ่งจากการสอบถามว่า ในกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด 2,959 คน พบเป็นลูกจ้างค่าจ้างรายเดือนมีถึง 2,153 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 72.76 ขณะที่ลูกจ้างค่าจ้างรายวัน 796 คน คิดเป็นร้อยละ 26.9  ทั้งนี้ได้สอบถามถึงค่าใช้จ่ายที่ครอบคลุม พ่อ แม่ ลูกรวม 3 คน พบว่ามีรายจ่ายที่จำเป็น อาทิ ค่าเช่าหรือค่าผ่อนบ้าน ค่าผ่อนรถ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าดูแลบุพการี ค่าเทอมลูก ค่านมลูก ค่าโทรศัพท์ ฯลฯ  เฉลี่ยจากข้อมูลกลุ่มตัวอย่างทั้งหมดจะต้องจ่ายอยู่ที่ 14,771.40 บาทต่อเดือน และหากคิดเฉลี่ยรายวันพบว่า จะมีค่าใช้จ่ายในแต่ละวันเท่ากับ 492.38 บาท ซึ่งจากค่าจ้างขั้นต่ำวันละ  300 บาทก็ยังไม่เพียงพอ และหากขึ้นค่าจ้างไม่เท่ากันทั่วประเทศอีกก็ยิ่งไม่เป็นธรรม

“จากค่าใช้จ่ายดังกล่าว ได้มีการสอบถามและสรุปค่าเฉลี่ยค่าใช้จ่ายแรงงานครอบครัว 3 คนจะอยู่ที่ 712.3072 บาทต่อวัน ซึ่งตัวเลขดังกล่าวได้มาจากการคำนวณ ดังนี้  1.ค่าใช้จ่ายของผู้ใช้แรงงาน 1 คนอยู่ที่ 219.92 บาทต่อวัน ซึ่งมีค่าอาหาร 3 มื้อ ค่าเดินทางไปทำงาน เป็นต้น และ 2.จากค่าใช้จ่ายที่ครอบคลุมถึงพ่อแม่ และลูก อยู่ที่ 492.38 บาทต่อวัน ซึ่งจากค่าใช้จ่ายทั้งครอบครัวจะอยู่ที่ 712.3072 บาทต่อวัน ดังนั้น ค่าจ้างขั้นต่ำจึงต้องปรับเพิ่มมากขึ้น และเท่ากันทั่วประเทศ แต่ก็เข้าใจว่าข้อเสนอดังกล่าว ก็ต้องรอการพิจารณาจากคณะกรรมการค่าจ้างด้วย แต่ก็อยากให้พิจารณาจากสถานการณ์ความเป็นจริงจุดนี้” นายชาลี กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า จากตัวเลขดังกล่าวอาจเป็นไปไม่ได้ นายชาลีกล่าวว่า ตัวเลขดังกล่าวมาจากการสำรวจ แต่หากไม่ได้ก็ต้องปรับเพิ่มมากกว่าเดิม ซึ่งเมื่อ 5 ปีก่อน ทางคสรท.เคยสำรวจว่าค่าจ้างที่เหมาะสมต่อ 1 คนควรอยู่ที่ 360 บาทต่อวัน ซึ่งหากเพิ่มได้จำนวนนี้ก็ถือว่ายังดี แต่ที่สำคัญต้องปรับเพิ่มเท่ากันทั่วประเทศไทย แต่ที่ทราบมาเหมือนก่อนหน้านี้คณะกรรมการค่าจ้างเตรียมจะปรับขึ้นแค่ 30 จังหวัด และปรับเพิ่มอยู่ที่ 5-10 บาทเท่านั้น โดยแบ่งเป็น 4 โซน โซนแรกเท่าเดิม 300 บาทต่อวัน โซนที่สอง ปรับเพิ่ม 305 บาท โซนที่สามปรับเพิ่ม 308 บาท และโซนที่สี่ปรับเพิ่ม 310 บาท การแบ่งแบบนี้ไม่เหมาะสม เพราะไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นจริง

“เข้าใจว่าการพิจารณาค่าจ้างเลื่อนออกไป อาจเพราะพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเพิ่งรับตำแหน่งด้วย และเรื่องนี้ก็ต้องมีการพิจารณาอีกมาก แต่ทางคสรท.ก็อยากจะเสนอข้อเท็จจริง ไม่ใช่คิดคำนวณโดยไม่ดูค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้น ดังนั้น ทางคสรท.จะขอแสดงจุดยืนเรื่องนี้ และขอให้ยกเลิกคณะอนุกรรมการพิจารณาค่าจ้างขั้นต่ำจังหวัด  และให้มีคณะกรรมการค่าจ้างระดับประเทศเพียงชุดเดียว ที่มีองค์ประกอบคณะกรรมการที่หลากหลายกว่าปัจจุบัน”รองประธาน คสรท. กล่าวและว่า พวกตนก็หวังเพียงว่า การปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำครั้งนี้จะเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับผู้ใช้แรงงานทุกคนทุกพื้นที่จริงๆ จึงคงต้องฝากความหวังกับท่านรัฐมนตรีฯ

ด้าน นายอรรถยุทธ ลียะวณิช ประธานสภาองค์การนายจ้างผู้ค้าและบริการเครื่องอุปโภคบริโภค กล่าวว่า  การพิจารณาค่าจ้างขั้นต่ำต้องอยู่ที่คณะกรรมการพิจารณาค่าจ้าง ซึ่งมีไตรภาคี ทั้งรัฐ นายจ้าง และลูกจ้าง ซึ่งการที่ออกมาระบุว่าต้องได้ค่าจ้างเท่ากันทั่วประเทศ และต้องเพิ่มสูงกว่า 700 บาทต่อวัน เพื่อนำมาเลี้ยงครอบครัวและผู้ใช้แรงงานเองรวม 3 คนนั้น เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากมาก โดยประเด็นเพิ่มค่าจ้างเท่ากันทั่วประเทศนั้น มีบทเรียนมาแล้วสมัยอดีตที่เพิ่มเท่ากันหมด สุดท้ายส่งผลต่อเศรษฐกิจภาพรวม ยกตัวอย่าง ในอดีตเคยปรับเท่ากันหมด เห็นชัดในจ.น่าน พะเยา จากเดิมได้ค่าจ้างวันละ 131 บาท เพิ่มเป็นวันละ 300 บาท กระทบต่อนายจ้างขนาดเล็กต้องปิดกิจการ เพราะอยู่ไม่ได้ แบบนี้ไม่ส่งผลต่อเศรษฐกิจหรืออย่างไร

“ส่วนที่เสนอให้ปรับเงินสูงขึ้น เพื่อเลี้ยงครอบครัวรวม 3 คน หรือแม้แต่คนเดียวจะให้สูงถึง 360 บาทต่อวันนั้น ก็ต้องมาพิจารณาในคณะกรรมการที่มีไตรภาคีก่อน ว่าตัวเลขเท่าไรจึงจะเหมาะสม จะให้บอกตอนนี้คงไม่ได้ แต่ก็ต้องรับได้ทั้งหมด ซึ่งการจะเสนอข้อมูลอะไรนั้นต้องมีเหตุผลที่ยอมรับและไม่กระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจด้วย ส่วนจะมีการประชุมคณะกรรมการค่าจ้างวันไหนนั้น ตนก็ยังไม่ทราบ คงต้องรอจากทางฝั่งกระทรวงแรงงาน”  นายอรรถยุทธกล่าว

ที่มา : มติชนออนไลน์