กรมวิชาการเกษตรเผย EU ยอมรับข้อเสนอวิธีกำจัดแมลงวันผลไม้ พริก มะเขือ มะละกอ ฝรั่ง และน้อยหน่า ของไทย หลังแจ้งปรับกฎระเบียบนำเข้าใหม่
วันที่ 12 เมษายน 2565 นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า ตามที่สหภาพยุโรปมีการปรับกฎระเบียบ Regulation (EU) 2019/2072 ใหม่ กำหนดให้มีผลบังคับใช้วันที่ 11 เมษายน 2565 ซึ่งส่งผลกระทบต่อการส่งออกพืช 5 ชนิดจากประเทศไทยได้แก่ พริก มะเขือ มะละกอ ฝรั่ง และน้อยหน่า จากเดิมที่เน้นการตรวจศัตรูพืชที่แปลงผลิต โรงคัดบรรจุ และหน้าด่านตรวจพืชก่อนการส่งออก
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- NETA X ขาย มิ.ย.นี้ ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท หลัง MOU สรรพสามิต
- KBANK ปรับโครงสร้างใหญ่ ลดจำนวนบอร์ด ตั้ง 4 เอ็มดีเป็น “ผู้จัดการใหญ่” มีผล 1 พ.ค.67
แต่กฎระเบียบใหม่กำหนดให้ประเทศไทยหรือทุกประเทศที่ไม่ใช่สมาชิกของสหภาพยุโรปและมีรายงานการแพร่ระบาดของแมลงวันผลไม้ในสกุล Bactrocera ชนิดที่สหภาพยุโรปกำหนดจะต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบใหม่ที่ประกาศใช้ดังกล่าว
กรมวิชาการเกษตรได้จัดประชุมหารือเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมอบหมายกลุ่มวิจัยการกักกันพืช สำนักวิจัยพัฒนาการอารักขาพืช รีบจัดทำข้อมูลเสนอให้คณะกรรมาธิการยุโรปด้านสุขอนามัยและความปลอดภัยอาหาร (DG SANTE ) พิจารณาพร้อมเร่งประสานกับสหภาพยุโรป โดยวิธีการที่ประเทศไทยเลือกคือ พืช 4 ชนิดได้แก่ พริก มะเขือ น้อยหน่า และฝรั่ง เสนอใช้วิธีการ Systems approach for pest risk management of fruit flies (Tephritidae)
โดยบริหารจัดการตั้งแต่ในสวน การขนส่งจากแปลงไปโรงคัดบรรจุ และการบริหารจัดการในโรงคัดบรรจุ รวมทั้งการรับรองสุขอนามัยพืชก่อนการส่งอออก ส่วนมะละกอ เสนอใช้วิธีการเก็บเกี่ยวที่ระยะเวลา 90-120 วัน หลังดอกบาน และมะละกอสุกจะต้องผ่านการแช่น้ำร้อนหรือผ่านการอบไอน้ำปรับสภาพความชื้นสัมพัทธ์ก่อนการส่งออก
ทั้งนี้ ภายหลังจากที่ได้ลงนามในหนังสือแจ้งให้ DG SANTE พิจารณาเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2565 ได้มีการประสานงานกับสำนักที่ปรึกษาการเกษตรประจำกรุงบรัสเซลส์มาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ทันต่อระยะเวลาที่กฎระเบียบของอียูจะมีผลบังคับใช้
โดยได้รับแจ้งข่าวดีในวันที่ 11 เมษายน 2565 ว่าสหภาพยุโรปรับพิจารณาข้อมูลของประเทศไทยแล้ว ส่งผลให้เกษตรกร ผู้ส่งออก สามารถส่งออกพืชทั้ง 5 ชนิดได้อย่างต่อเนื่องภายใต้เงื่อนไขที่กรมวิชาการเกษตรกำหนด
และขอขอบคุณ DG SANTE ที่พิจารณาข้อมูลจากประเทศไทยอย่างรวดเร็ว รวมทั้งทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ประเทศไทยจะต้องดำเนินการส่งออกพืชทั้ง 5 ชนิด ให้เป็นไปตามแนวทางที่ได้เสนอไว้ตามมาตรฐานสากลด้านกักกันพืชและสอดคล้องกับระเบียบของประเทศปลายทางผู้นำเข้า โดยในปี 2564ที่ผ่านมามีการส่งออกพืชทั้ง 5 ชนิดไปสหภาพยุโรปปริมาณ 620 ตัน คิดเป็นมูลค่า 23.25 ล้านบาท