เปิดคำตอบบอร์ดแข่งขันฯ แจงไม่มีหน้าที่ตรวจสอบดีลควบรวมทรู-ดีแทค

ทรู ดีแทค

บอร์ดแข่งขัน กขค. ส่งจดหมายตอบกลับ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคแจงไม่มีหน้าที่ตรวจสอบกรณีควบรวมทรู-ดีแทค เผยเป็นหน้าที่ กสทช. ตามกฎหมาย จึงเร่งรัดให้ กสทช. ตรวจสอบและใช้อำนาจสั่งการโดยเร็ว

วันที่ 27 เมษายน 2565 ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานว่า จากการที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค (มพบ.) ส่งหนังสือขอให้ดำเนินการตรวจสอบการควบรวมค่ายมือถือดีแทคและทรู ไปถึงสำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (กขค.) และสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2564 เนื่องจากการควบรวมธุรกิจทำให้ผู้ประกอบธุรกิจรายอื่นเข้าสู่ตลาดยากยิ่งขึ้น และมีโอกาสทำให้เกิดการผูกขาดตลาด มพบ.จึงขอให้ดำเนินการตรวจสอบการควบรวมกิจการและแจ้งผลกลับมายังมูลนิธิ

วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2565 สำนักงาน กขค. ส่งหนังสือตอบกลับถึงมูลนิธิ ที่ สขค. 0401/350 ว่า กขค. ไม่มีหน้าที่ตรวจสอบเรื่องการรวมธุรกิจโทรคมนาคม ตาม พ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2560 มาตรา 4 (4) ที่ระบุให้ไม่ให้ใช้กฎหมายว่าด้วยการแข่งขันทางการค้ากับธุรกิจที่มีกฎหมายเฉพาะดูแล สำนักงาน กขค. ได้ตรวจสอบ พ.ร.บ.การประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2544 และประกาศที่เกี่ยวข้อง พบว่าการรวมธุรกิจของทรูและดีแทค เป็นการรวมธุรกิจในกิจการโทรคมนาคม

ซึ่งมี กสทช. เป็นผู้กำกับดูแลภายใต้กฎหมายเฉพาะคือ 1.พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 2.พ.ร.บ.การประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2544 3.ประกาศคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เรื่อง มาตรการกำกับดูแลการรวมธุรกิจในกิจการโทรคมนาคม ลงวันที่ 4 ธันวาคม 2560

และ 4.ประกาศคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการพิจารณากำหนดผู้มีอำนาจเหนือตลาดในกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2557 วันนี้ (27 เมษายน 2565)

นางนฤมล เมฆบริสุทธิ์ รองผู้อำนวยการฝ่ายพิทักษ์สิทธิ์ผู้บริโภค มพบ. กล่าวว่า มพบ.ได้ตรวจสอบตามกฎหมายที่ กขค.อ้างอิง พบว่า กขค.ไม่มีอำนาจในการตรวจสอบการควบรวมกิจการของทรูและดีแทคจริง เพราะใน พ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2560 มาตรา 4 (4) ระบุเรื่องที่ไม่ให้ใช้กฎหมายว่าด้วยการแข่งขันทางการค้ากับธุรกิจที่มีกฎหมายเฉพาะดูแลอยู่ ดังนั้น กรณีการรวมธุรกิจในกิจการโทรคมนาคมของทรูและดีแทค อยู่ในการกำกับดูแลของ กสทช. ตามกฎหมายดังที่กล่าวอ้างอิง ได้แก่

1.ประกาศคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เรื่อง มาตรการกำกับดูแลการรวมธุรกิจในกิจการโทรคมนาคม ลงวันที่ 4 ธันวาคม 2560 อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 27 (11) (24) และมาตรา 81 แห่ง พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบ กิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 ประกอบกับมาตรา 21 และมาตรา 22 (3) (4) (5) แห่ง พ.ร.บ.การประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2544

ประกาศดังกล่าวได้กำหนดลักษณะและมาตรการกำกับดูแลการรวมธุรกิจในกิจการโทรคมนาคมเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการครอบงำกิจการในตลาดโทรคมนาคม ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับหลักการแข่งขันโดยเสรีอย่างเป็นธรรม และเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการแข่งขันและการพัฒนาอุตสาหกรรมโทรคมนาคมอย่างยั่งยืนและมีประสิทธิภาพ

2.ประกาศคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการพิจารณากำหนดผู้มีอำนาจเหนือตลาดในกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2557 อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 27 (11) และ (24) แห่ง พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 และมาตรา 21 แห่ง พ.ร.บ.การประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2544

ประกาศดังกล่าวเป็นมาตรการกำกับดูแลล่วงหน้าเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้มีอำนาจเหนือตลาดอย่างมีนัยสำคัญใช้อำนาจในการจำกัดหรือกีดกันการแข่งขันในตลาด สอดคล้องกับหลักการส่งเสริมการแข่งขันโดยเสรีอย่างเป็นธรรมและมาตรการเพื่อป้องกันไม่ให้มีการกระทำอันเป็นการผูกขาดหรือก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมในการแข่งขันในกิจการโทรคมนาคมรวมทั้งสอดคล้องกับสภาวการณ์ในปัจจุบัน

รองผู้อำนวยการฝ่ายพิทักษ์สิทธิ์ผู้บริโภค มพบ.กล่าวว่า การควบรวมกิจการโทรคมนาคมที่มีความเสี่ยงในการผูกขาดตลาด ทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกน้อยลง เป็นหน้าที่ที่รัฐต้องคอยกำกับดูแลให้ประชาชนได้รับผลประโยชน์ ให้เข้าถึงบริการที่ครอบคลุมทั่วถึง ทำให้เกิดกระบวนการที่มีการแข่งขัน สามารถเลือกผู้ประกอบธุรกิจได้ เนื่องจากระบบอินเทอร์เน็ตเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นแล้ว

มูลนิธิขอเร่งรัดให้ กสทช. ตอบหนังสือที่ มพบ. ส่งไปให้ เรื่อง ขอให้ดำเนินการตรวจสอบการควบรวมค่ายมือถือดีแทคและทรู เนื่องจากส่งไปตั้งแต่วันที่ 29 พ.ย. 2564 แล้ว แต่ยังไม่ได้รับคำตอบ รวมทั้งขอให้รีบดำเนินการตรวจสอบการควบรวมกิจการโทรคมนาคมโดยเร็ว และใช้อำนาจสั่งการในเรื่องนี้ตามกฎหมาย ด้านประชาชนก็ต้องจับตาดูว่า กสทช.จะพิจารณาเรื่องนี้ต่อไปอย่างไร

ความคืบหน้าการควบรวมกิจการของทรูและดีแทคล่าสุด เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2565 ที่ประชุมผู้ถือหุ้นบริษัททรูและดีแทค ได้อนุมัติข้อเสนอควบรวมกิจการแล้ว การควบรวมกิจการยังอยู่ภายใต้การตรวจสอบและแจ้งเจ้าหนี้ ซึ่งก็คือ กสทช. ซึ่งได้รับแจ้งเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2565 (ที่มา : https://www.bangkokbiznews .com/tech/997450)

ส่วนด้าน กสทช. กำลังอยู่ในระหว่างการรวบรวมข้อคิดเห็น รวมถึงการจัดทำมาตรการเพิ่มเติมต่าง ๆ ไปยังคณะอนุกรรมการ เพื่อนำเสนอ บอร์ด กสทช.ให้พิจารณาต่อไป คาดว่าจะแล้วเสร็จกลางเดือน พ.ค.นี้ เพื่อให้ทันกำหนดเวลาตามประกาศ กสทช. เรื่องมาตรการกำกับดูแลการรวมธุรกิจในกิจการโทรคมนาคม ที่ระบุว่า เลขาธิการ กสทช.ต้องรายงานต่อ กสทช. ภายใน 60 วัน


นับแต่วันที่ได้รับความเห็นประกอบการรายงานการรวมธุรกิจจากที่ปรึกษาอิสระด้านต่าง ๆ ซึ่งจะครบกำหนดวันที่ 18 พ.ค.นี้ (ที่มา : https://www.prachachat.net/prachachat-hilight/news-908847) ในการนี้ให้คณะกรรมการมีอำนาจในการกำหนดเงื่อนไขให้ผู้รับใบอนุญาตต้องปฏิบัติอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อป้องกันความเสียหายต่อสาธารณประโยชน์ได้ ตามมาตรา 22 พ.ร.บ.การประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2544 อีกทั้งในวันนี้ กสทช.ชุดใหม่ยังมีวาระการประชุม เรื่องการรวมธุรกิจระหว่างทรูและดีแทคอีกด้วย ซึ่งต้องติดตามว่าจะมีทิศทางการดำเนินการอย่างไรต่อไป