ปุ๋ยม้าบินเเตกไลน์ธุรกิจโดรนเกษตรทุ่ม 100 ล้าน ร่วมทุน Bug Away Thailand โดรนไทยรายแรกในประเทศตั้งเป้าครอบคลุมพื้นที่กว่า 60% ทั่วประเทศ 10,000 ราย ภายในปี’66 คาดรายได้ 2,500 ล้านบาท
วันที่ 9 พฤษภาคม 2565 นายคณิน สุวรรณนภาศรี ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์ บริษัท ไอ ซี พี เฟอทิไลเซอร์ จำกัด ผู้ผลิตแบรนด์ปุ๋ยตราม้าบิน กล่าวว่า การขาดแคลนแรงงาน และขาดความรู้ในเทคโนโลยีใหม่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต เป็นหนึ่งในแนวทางการแก้ไขปัญหาการปรับเปลี่ยนการเกษตรแบบดั้งเดิม (Traditional Farming) สู่การเกษตรสมัยใหม่ ที่เน้นการบริหารจัดการและใช้เทคโนโลยี นวัตกรรม (Smart Farming) เพื่อให้ผลิตได้อย่างแม่นยำ ประหยัดทรัพยากร ช่วยลดต้นทุนการทำเกษตรได้มากถึง 10-20%
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- อะไรทำให้ “ทองคำ” แพง สงคราม หรือการเก็งกำไร ?
จึงเป็นที่มาของการร่วมลงทุนร่วมกัน 100 ล้านบาท ระหว่าง กลุ่มบริษัท ไอ ซี พี (70%) และ Bug Away Thailand – บัค อะเวย์ (30%) ผู้ผลิตโดรนเพื่อการเกษตร โดย บริษัท ดีจีไอ โปรดักชั่น จำกัด จะพัฒนาโครงการโดรนต้นแบบเพื่อการเกษตร ที่คิดค้น ออกแบบ ทั้งนี้การผลิตโดรนดังกล่าวนับเป็นโดรนที่ค้นค้นโดยคนไทย เจ้าแรกในประเทศไทย ภายใต้แบรนด์ Mah Bin (ม้าบิน)
ปัจจุบันมีผู้ใช้งานโดรนเพื่อการเกษตรในประเทศไทยอยู่ที่ 2,000 – 3,000 ลำทั่วประเทศ ครอบคลุมพื้นที่การใช้งานเพียง 20% เท่านั้น โดยโดรนเพื่อการเกษตรแบรนด์ Mah Bin (ม้าบิน) ตั้งเป้าขยายพื้นที่การใช้งานให้ครอบคลุมกว่า 60% พร้อมเดินหน้าขยายศูนย์บริการครอบคลุม 40 แห่ง ทั่วประเทศ รายได้รวม 2,500 ล้านบาท ภายในปี 2566
ส่วนตลาดปุ๋ยเคมี และผลิตภัณฑ์อารักขาพืช ในประเทศไทยมีมูลค่ารวม ประมาณ 1 แสนล้านบาทต่อปี โดยกลุ่มบริษัทไอ ซี พี มีส่วนแบ่งการตลาดประมาณอยู่ที่ 15% มูลค่ายอดขายรวมมากกว่า 15,000 ล้านบาทต่อปี และมีฐานลูกค้าที่ให้ความไว้วางใจผลิตภัณฑ์อยู่ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศไทยมากกว่า 2,000 ร้านค้า พร้อมนำเข้า ผลิตและจัดจำหน่าย สินค้าปัจจัยการผลิตทางการเกษตรครบวงจรมากที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย
โดยมั่นใจว่าจากศักยภาพและความชำนาญของกลุ่มบริษัทไอซีพี และ Bug Away Thailand (บัค อะเวย์) จะสามารถเป็นส่วนหนึ่งในการยกระดับเกษตรกรไทย พร้อมขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ยุคแห่งการพัฒนาเศรษฐกิจ ยุคใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด
“การมีโดรนเข้ามาใช้ในภาคเกษตรเป็นการกระจายรายได้เกษตรกร ไม่ใช่แค่ประเทศไทยแต่เรามองไม่ถึง AEC ต้นทุนการทำเกษตรจะลดลง ผลผลิตมีคุณภาพมากขึ้น 20% สามารถทดแทนแรงงาน คนลดต้นทุน ค่าจ้างคนสูงขึ้น นำโดรนมาใช้ช่วยดูแลผลผลิตได้ดีมาก กลุ่มที่ใช้โดรนของเราระยะแรกยังคงเป็นรายใหญ่สเกลผลิตใหญ่ 20% อนาคตก็พยายามที่จะลดขนาดโดรนเล็กลงให้ทุกรายเข้าถึงได้ง่าย”
อย่างไรก็ดี การทำธุรกิจที่ผ่านมา กลุ่มบริษัทมีความเชี่ยวชาญและอยู่คู่เกษตรกรไทยมายาวนานกว่า 40 ปี มองว่าเกษตรกรรมมีความสำคัญต่อประเทศไทยมาอย่างมาก แต่การจะก้าวสู่ 4.0 ซึ่งเป็นยุคแห่งการใช้นวัตกรรมพลิกโฉมและขับเคลื่อนเกษตรกรไทย ทำน้อยแต่ได้ผลมาก
ซึ่งหนึ่งในปัญหาหลักของธุรกิจภาคการเกษตรประเทศไทยคือภาคการผลิต ส่วนสถานการณ์ปุ๋ยในปัจจุบันปุ๋ยยูเรียยอมรับว่าปีนี้ราคาสูงเป็นประวัติการณ์ แต่โดยภาพรวมเกษตรกรยังจำเป็นต้องซื้อปุ๋ยแต่อาจจะลดลงบ้างหรือลดปริมาณการซื้อลงจากเดิมแต่ไม่ได้ส่งผลต่อยอดขายของบริษัทมากนัก มองว่า ปลายปีนี้สถานการณ์ทั้งการนำเข้าและภาวะขาดแคลนปุ๋ยน่าจะดีขึ้น
ด้านนางสาวรัตยา เฉลิมวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์ บริษัท ดีจีไอ โปรดักชั่น จำกัด กล่าวว่า
โดรนเกษตรมีแนวโน้มเติบโตในตลาดขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี โดยปี 2564 เติบโตขึ้นถึง 200% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ซึ่งโดรนเกษตรเข้ามาทดแทนการทำงานเดิมที่เกษตรกรต้องแบกเครื่องพ่นสะพายหลัง ที่มีขนาดถังบรรจุถึง 25 กิโลกรัม ส่งผลเสียต่อเกษตรกรในด้านสุขภาพ และใช้ระยะเวลานานในการทำงาน ไม่สม่ำเสมอ ปัจจุบันมีทั้งการฉีดพ่นสารน้ำ การหว่านปุ๋ยและเมล็ดพันธุ์ การถ่ายภาพเพื่อสำรวจคุณภาพผลผลิต
ปัจจุบันกว่า 90% ของโดรนเกษตร จะอยู่ในรูปแบบของการพ่นสารน้ำ การหว่านปุ๋ยและเมล็ดพันธุ์ รวมทั้งมีข้อจำกัดในบางช่วงอายุของพืช เช่น ช่วงข้าวออกรวง หรือพืชสูง เป็นต้น
ดังนั้น โดรนเกษตรจึงเข้ามาตอบโจทย์ ลดระยะเวลาการทำงานให้แก่เกษตรกร เพิ่มคุณภาพการฉีดพ่นที่ทั่วถึงด้วยระบบการวางแผนงานอย่างครอบคลุม และสามารถใช้งานกับพืชได้หลากหลายชนิด ทุกช่วงอายุของพืช พร้อมสร้างอาชีพให้แก่คนรุ่นใหม่ ที่หันมาทำการเกษตรผ่านเทคโนโลยีกันมากขึ้น
สำหรับประเภทของโดรนเกษตร แบรนด์ Mah Bin (ม้าบิน) ประกอบด้วย โดรนฉีดพ่นขนาดเล็ก สำหรับกลุ่มเกษตรกรระดับครัวเรือน โดรนฉีดพ่นขนาดใหญ่ สำหรับกลุ่มเกษตรกรแปลงใหญ่ รวมทั้งผู้ให้บริการ และโดรนสำรวจพื้นที่ สำหรับวิเคราะห์รูปแบบแปลง
รวมถึงตรวจสอบและประเมินคุณภาพของผลผลิต โดยมีจุดเด่นที่เป็นแบรนด์แรกของประเทศไทย ซึ่งคิดค้น ออกแบบ และผลิตโดยคนไทย พร้อมรับรองรูปแบบจากกรมวิชาการเกษตร ปั๊มแรงดันสูง รองรับการติดตั้งหัวพ่นทุกรูปแบบ ขนาดเล็ก เบา ง่ายต่อการขนย้าย สีสันสวยงามโดดเด่น ไม่ซ้ำใคร ราคาไม่แพง อยู่ที่ประมาณ 1.9 แสนบาท พร้อมรับประกัน 1 ปีเต็ม การันตีความคุ้มค่า
โดยมองว่ากลุ่มเกษตรกรปัจจุบันเริ่มปรับตัวไปสู่การใช้เทคโนโลยีมากขึ้น ไม่เฉพาะเเค่หนุ่มสาว เกษตรกรที่ทำเกษตรมานานก็มีติดต่อซื้อสินค้าโดรน
โดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกพืชไร่ต่าง ๆ เช่น ข้าว อ้อย ข้าวโพด มัน สำปะหลัง พืชสวน ทุเรียน ปาล์ม ส้ม ลำไย ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจการเกษตรของประเทศไทย นิยมนำโดรนเกษตรมาเป็นเครื่องมือการฉีดพ่นแทนการใช้แรงงาน
