ปตท. ปรับแผนลงทุนปี’65 อัดงบฯโรงงานรถอีวี-ธุรกิจยา 5.64 หมื่นล้าน

ปตท

บอร์ด ปตท. ปรับแผนลงทุนปี’65 อัดงบฯเพิ่มเป็น 9.1 หมื่นล้าน หั่นลงทุนธุรกิจก๊าซธรรมชาติ ขยายการลงทุนธุรกิจใหม่ในโรงงานผลิตรถอีวี และธุรกิจยากว่า 5.6 หมื่นล้าน

วันที่16 มิถุนายน 2565 นางสาวพรรณนลิน มหาวงศ์ธิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า ในการประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 6/2565 เมื่อวันที่16 มิถุนายน 2565 ได้ทบทวนแผนการลงทุนของ ปตท. และบริษัท ปตท. ถือหุ้น100% และอนุมัติให้ปรับแผนการลงทุนสำหรับปี 2565 จาก 46,589 ล้านบาท เพิ่มเป็น 91,179 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44, 590 ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้

ธุรกิจก๊าซธรรมชาติ งบฯลงทุนเดิม 13,232 ล้านบาท ลดลงเหลือ 11,186 ล้านบาท ลดลง 2,046 ล้านบาท

ธุรกิจท่อส่งก๊าซธรรมชาติ งบฯลงทุนเดิม 9,305 ล้านบาท ปรับเหลือ 7,538 ล้านบาท ลดลง 1,767 ล้านบาท

ธุรกิจการค้าระหว่างประเทศและปิโตรเลียมขั้นปลายเดิม1,180 ล้านบาท เป็น 1,258 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 78 ล้านบาท

ธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐานและสำนักงานใหญ่ 3,862 ล้านบาท ปรับเป็น 14,765 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10,903 ล้านบาท

การลงทุนในบริษัทที่ ปตท.ถือหุ้น100% งบฯลงทุนเดิม 19,010 ล้านบาท เพิ่มเป็น 56,432 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้น 37,422 ล้านบาท

โดยการทบทวนแผนการลงทุนดังกล่าว ส่วนใหญ่เป็นการเปลี่ยนแปลงการลงทุนในบริษัทที่ ปตท. ถือหุ้น 100% และกลุ่มธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐาน โดยหลักมาจากการปรับโครงสร้างการถือหุ้นในธุรกิจไฟฟ้า และธุรกิจ LNG

รวมถึงการขยายการลงทุนในธุรกิจใหม่โดยเฉพาะธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าที่มีการตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้าย (FID) ในโรงงานผลิตยานยนต์ไฟฟ้าของบริษัท ฮอริษอน พลัส จำกัด (“Horizon Plus”) และการลงทุนในธุรกิจ ด้านวิทยาศาสตร์เพื่อชีวิต (Life science : ธุรกิจยา Nutrition และอุปกรณ์และการวินิจฉัยทางการแพทย์) ส่วนใหญ่มาจากธุรกิจยาที่มีการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัท Lotus Pharmaceutical Company Limited


ขณะที่การลงทุนในโครงการอื่น ๆ ยังคงเป็นไปตามแผนการลงทุนเดิม อาทิ โรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 7 เพื่อทดแทนโรงแยกก๊าซ ธรรมชาติหน่วยที่ 1 และโรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 8 รวมทั้งโครงการท่อส่งก๊าซฯ บางปะกง-โรงไฟฟ้าพระนครใต้ และโครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติบนบกเส้นที่ 5 นอกจากนี้ยังมีการลงทุนผ่านบริษัทที่ ปตท. ถือหุ้น100% อาทิ การขยายขีดความสามารถของสถานีรับจ่าย LNG แห่งที่ 2 (หนองแฟบ) โครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 และโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3