ประยุทธ์ แนะ ศธ. แยกวิชาประวัติศาสตร์ ต้องสอนเด็กให้รู้จักบ้านตนเอง

ประยุทธ์สอนวิชาประวัติศาสตร์

ตรีนุช รมว.ศึกษาธิการ โชว์นโยบายปรับโครงสร้างหลักสูตรวิชาประวัติศาสตร์ที่ทำเนียบรัฐบาล ด้านพลเอกประยุทธ์ แนะต้องสอนเด็กให้รู้จักบ้านตนเองก่อน และรู้จักคิด วิเคราะห์ มีเหตุผล 

วันที่ 6 ธันวาคม 2565 ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้จัดนิทรรศการ “การจัดการเรียนการสอนประวัติศาสตร์” โดยมีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี ร่วมชมนิทรรศการ 

นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) กล่าวว่า กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้ประกาศนโยบายและจุดเน้นเรื่องการจัดการเรียนการสอนประวัติศาสตร์ ประจำปีงบประมาณ 2566 โดยการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนประวัติศาสตร์ หน้าที่พลเมือง และศีลธรรม ให้มีความทันสมัย น่าสนใจ เหมาะสมกับวัยของผู้เรียน ควบคู่ไปกับการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของท้องถิ่น และการเสริมสร้างวิถีชีวิตของความเป็นพลเมืองที่เข้มแข็ง

ซึ่งจัดนิทรรศการในวันนี้ ศธ.ต้องการสะท้อนให้เห็นถึงการส่งเสริมการจัดการเรียนการสอนประวัติศาสตร์ ใน 4 ส่วน ดังนี้ 

ส่วนแรก วิชาประวัติศาสตร์ประกาศความเป็นไทย ปรับโครงสร้างเวลาเรียนรายวิชาพื้นฐาน ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551

โดยได้จัดทำร่างประกาศ ศธ.เรื่อง การบริหารจัดการโครงสร้างหลักสูตรสถานศึกษา 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ และ 1 รายวิชาพื้นฐานประวัติศาสตร์ของสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือโครงสร้าง 8+1 เพื่อให้สถานศึกษานำไปใช้ในการส่งเสริมการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ โดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ด้วยวิธีการที่หลากหลาย ทั้งในมิติของการจัดการเรียนรู้ การวัดและประเมินผล และการใช้สื่อและแหล่งเรียนรู้

ส่วนที่ 2 การนำเสนอ Best Practice จากโรงเรียนในสังกัด สพฐ. เช่น โรงเรียนสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ นำเสนอ “เรียนรู้ประวัติศาสตร์ใกล้ตัว สู่การสร้างสรรค์ชุมชนอย่างยั่งยืน” ที่มุ่งเน้นการหาความรู้จากชุมชนใกล้ตัวของผู้เรียน และจัดทำสื่อถ่ายทอดประสบการณ์ลงสื่อสังคมออนไลน์ เช่น Podcast, TiKTok, Live เพื่อสร้างการรับรู้ในประวัติความเป็นมาผลิตภัณฑ์ชุมชน จุดเด่น เอกลักษณ์ และความภาคภูมิใจ,

โรงเรียนอยุธยาวิทยาลัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นำเสนอ “เรียนรู้อย่างภูมิใจสู่นักประวัติศาสตร์ไทยรุ่นเยาว์” เริ่มต้นจากการศึกษาประวัติศาสตร์ไทยในห้องเรียน ด้วยสื่อ Animation “The Diary” และการเรียนรู้ในห้องเรียน ขยายสู่การเรียนรู้จากแหล่งเรียนประวัติศาสตร์รอบโรงเรียน จากการเรียนรู้ เป็นการเห็นคุณค่า สู่ความภาคภูมิใจ และจิตอาสามัคคุเทศก์น้อย 

ส่วนที่ 3 เป็นการสาธิตและมอบสื่อบอร์ดเกม จากมูลนิธิพระบรมราชานุสรณ์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว 

และส่วนที่ 4 เป็นการการนำเสนอสื่อ และแหล่งเรียนรู้วิชาประวัติศาสตร์ ซึ่งเป็นสื่อประวัติศาสตร์แบบใหม่ ในรูปแบบสื่อการ์ตูนแอนิเมชั่น สื่อบอร์ดเกม สื่อการเรียนรู้นอกห้องเรียนเสมือนจริง (Vitual Field Trip) สื่อเทคโนโลยีภาพเสมือนจริง (AR : Augmented Reality)

และสื่อการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ผ่านการสื่อสารร่วมสมัย อาทิ สื่อการ์ตูนแอนิเมชั่น “จิตตนคร” คุณธรรมนำสู่คุณลักษณะอันพึงประสงค์ สื่อการ์ตูนแอนิเมชั่น “สัมมาทิฏฐิ” คำสอนสำคัญเสมือนกุญแจที่จะไขไปสู่พระธรรมคำสอน และสื่อการ์ตูนแอนิเมชั่น (Animation) THE DARY ย้อนเวลาสู่อดีต เพื่อการเรียนประวัติศาสตร์ชาติไทย สื่อการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ นอกห้องเรียนเสมือนจริง (Virtual Field Trip) เรียนรู้ประวัติศาสตร์ชาติไทย 3 สมัย เป็นต้น

นางสาวตรีนุชกล่าวอีกว่า นายกรัฐมนตรีได้กล่าวกับนักเรียนที่มาร่วมจัดนิทรรศการด้วยว่า การเรียนการสอนประวัติศาสตร์ต้องเริ่มต้นจากประวัติศาสตร์ชุมชน เดินก้าวเท้าออกจากโรงเรียนก็เป็นประวัติศาสตร์แล้ว ให้เด็กรู้จักบ้านเราก่อน รู้เราเป็นใครมาจากไหน มีความเป็นมายังไง แล้วเกิดความรักชุมชน และขยายสู่ประวัติศาสตร์ชาติ

ครูต้องพัฒนาการสอนใหม่เป็นแบบ active learning สอนให้เด็กรู้จักคิด วิเคราะห์ มีเหตุผล โดยเชื่อมโยงจากสิ่งใกล้ตัวก่อน ให้เด็กเข้าใจง่าย เช่น ทำไมประเทศไทยไม่ตกเป็นเมืองขึ้นของใคร พันท้ายนรสิงห์ ทำไมถึงยอมโดนประหาร ทั้งที่พระเจ้าเสือให้อภัยแล้ว ก็เพราะต้องการรักษากฎหมายบ้านเมืองเอาไว้ เป็นต้น