มอบโล่ยกย่อง สถาบันการศึกษา 25 อันดับแรกของประเทศที่จ่ายหนี้ กยศ.ดีที่สุด ด้าน “ชวน หลีกภัย” ฝากมหาวิทยาลัยช่วยรณรงค์ สร้างวินัย ผู้กู้ยืม ย้ำประเทศจะรุ่งเรืองประชากรต้องเคารพกฎกติกา
วันที่ 8 ธันวาคม 2565 ที่กระทรวงการคลัง กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) จัดพิธีมอบโล่ประกาศเกียรติคุณแก่สถานศึกษาระดับอุดมศึกษาที่มีอัตราชำระหนี้ดีที่สุด 25 อันดับแรกของประเทศ จากสถานศึกษาระดับอุดมศึกษาของรัฐและเอกชนทั่วประเทศ จำนวน 313 แห่ง เพื่อเป็นการยกย่องเชิดชูเกียรติ และสร้างขวัญกำลังใจให้แก่สถานศึกษาที่มีบทบาทสำคัญในการปลูกฝังคุณธรรมและจริยธรรมของผู้กู้ยืม บ่มเพาะผู้กู้ยืมให้มีวินัยทางการเงิน
- เช็กที่นี่ เงินอุดหนุนบุตร 600 บาท เดือนธันวาคม 2566 เงินเข้าวันไหน
- ในหลวง พระราชินี เสด็จฯส่วนพระองค์ ทรงร่วมแข่งเรือใบ จ.ภูเก็ต
- กรุงไทย-ออมสิน ระเบิดโปรฯ เงินฝาก “ดอกเบี้ยพิเศษ” เช็กเงื่อนไขที่นี่
โดยภายในงาน นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษผ่านระบบออนไลน์ตอนหนึ่งว่า ขอแสดงความยินดีกับ 25 มหาวิทยาลัยที่ได้รับมอบโล่เกียรติคุณในวันนี้ ซึ่งผมได้มีการส่งหนังสือไปแสดงความชื่นชมแก่ทั้ง 25 มหาวิทยาลัยแล้ว รวมถึงส่งหนังสือไปให้กำลังใจยังมหาวิทยาลัยที่มีการชำระหนี้คืนต่ำด้วย ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง พบว่ามีการค้างชำระสูงมาก โดยมีเงินต้นค้างมากกว่า 4.8 พันล้านบาท
หนังสือที่ผมส่งไปเป็นการให้กำลังใจผู้บริหาร ให้ช่วยกันรณรงค์นักศึกษาผู้กู้ยืมว่าจบออกไปก็ต้องชำระเงินคืน เพื่อให้กองทุน กยศ.สามารถดำรงอยู่ได้ และมีเงินส่งต่อไปยังรุ่นน้องให้มีโอกาสเรียนต่อ เพราะการศึกษาเป็นสิ่งสำคัญของโลก เราต้องสร้างโอกาสลดช่องว่าง ลดความเหลื่อมล้ำในสังคม
“กองทุน กยศ.เราเริ่มต้นด้วยเงินทุน 3 พันล้านตั้งแต่ปี 2538 จากจุดเริ่มต้นมีผู้กู้ยืมหลักหมื่น จนปัจจุบันมีผู้กู้ยืมรวมแล้วมากกว่า 6 ล้านคน จำนวนที่มากขนาดนี้เป็นเพราะช่วงหลังไม่ได้มีแค่ผู้ยากไร้เข้ามายืม แต่ผู้ที่มีความพร้อมอยู่แล้วได้เข้ามากู้ยืมด้วย จึงทำให้เกิดปัญหาหลายอย่างตามมา อาทิ ยืมแล้วเรียนจบไปไม่คืน ซึ่งจากการศึกษาปัญหาพบว่ามีปัจจัยหลายด้าน เช่น บางส่วนเรียนจบไปไม่มีงานทำ หรืออยู่นอกระบบ ซึ่งส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจไทย กยศ.ก็ต้องหาวิธีการบริหารจัดการ ไม่ควรไปเร่งรัดกดดัน ควรปล่อยให้คนกลุ่มนี้ได้มีเวลาหางาน อีกทั้งยังมีประเด็นเรื่องการปรับดอกเบี้ย”
นายชวนกล่าวต่อว่า สำหรับความคืบหน้าในการพิจารณาของร่าง พ.ร.บ.กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ที่ประชุมวุฒิสภามีมติให้คิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1 และคิดค่าปรับร้อยละ 0.5 ซึ่งเรื่องดังกล่าวทางวุฒิสภาต้องส่งกลับมายังสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ตามมาตรา 81 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 หากสภาผู้แทนราษฎรมีมติเห็นชอบกับร่างดังกล่าว จะได้ส่งไปยังคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯ แต่หากสภาผู้แทนราษฎรไม่เห็นด้วยให้ตั้งคณะกรรมาธิการร่วมร่วมกันของทั้งสองสภาเพื่อพิจารณาเรื่องดังกล่าว เมื่อที่ประชุมให้ความเห็นชอบจะส่งเรื่องไปยังคณะรัฐมนตรีเพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯ ต่อไป
“จากประเด็นการพิจารณาร่างกฎหมายกยศ.ที่ผ่านมาต่อเนื่อง ทำให้ผมได้เห็นวิสัยทัศน์ของนักการเมืองแต่ละคน ว่าเขามองเห็นปัญหาบ้านเมืองในรูปแบบใด ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับการคิดดอกเบี้ย ซึ่งทุกคนต่างก็หวังดีต่อนักเรียน นักศึกษา แต่ผมคิดว่าเรื่องเงินนั้นสำคัญก็จริง แต่วินัยของคนก็สำคัญไม่แพ้กัน ถ้าเรามีประชาชนที่ร่ำรวย แต่ไม่เคารพกฎกติกาบ้านเมือง ประเทศก็พัฒนายาก ฉะนั้นวินัยคือเรื่องใหญ่ ผมย้ำตลอดว่าเงินสำคัญจริง แต่ความรับผิดชอบคือสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าที่เราควรจะสร้างให้เกิดขึ้นกับคนของเราด้วย”
“ดังนั้น สถาบันการศึกษาก็ต้องใช้ความพยายามในการรณรงค์ให้นักศึกษาที่จบออกไปชำระคืน ผมคิดว่าเราต้องมีวิสัยทัศน์ มองชาติบ้านเมือง อนาคตว่าเราต้องการประชากรที่มีความรับผิดชอบไหม ถ้าเราต้องการประชากรที่มีความรับผิดชอบ ประเทศก็จะรุ่งเรือง ถ้าเราขาดคนมีจิตสำนึกรับผิดชอบ ต่อให้แผ่นดินนี้มีทรัพยากรมากมาย มีบ่อน้ำมัน บ่อเพชร ก็ไปไม่รอด จึงอยากฝากช่วยกันรณรงค์”
ด้านนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง ฐานะประธานคณะกรรมการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา เปิดเผยว่า ยอดการชำระหนี้กองทุน กยศ. มีแนวโน้มลดลง หลังจากมีการพิจารณาแก้กฎหมายใหม่ ทำให้ผู้ชำระเงินเกิดความลังเล เนื่องจากรอความชัดเจนของกฎหมาย ซึ่งตั้งแต่วันที่ 15 กันยายน-30 พฤศจิกายน 2565 พบว่ายอดการชำระหนี้ในส่วนของผู้ที่สมัครใจ (ไม่ได้หักเงินเดือน) ลดลงไป 28%
ส่วนการชำระหนี้จากการหักเงินเดือนของบริษัทหรือส่วนราชการที่มีข้อตกลงกับกองทุน ไม่ได้รับผลกระทบ แต่ทั้งนี้ก็ไม่ได้กังวลจากยอดที่ชำระหนี้ลดลง เนื่องจากกฎหมายเริ่มมีความชัดเจน หากผ่านการเห็นชอบทุกขั้นตอนก็จะสามารถนำมาประกาศบังคับใช้ แต่หากไม่ได้เห็นชอบก็จะต้องมีการนำเข้าสู่การจัดตั้งคณะกรรมาธิการร่วมสองสภา เพื่อหาข้อยุติประเด็นที่มีความเห็นต่างกันอีกครั้ง
นายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) กล่าวว่า ปัจจุบันกยศ.ได้ให้โอกาสทางการศึกษาแก่นักเรียน นักศึกษา ไปแล้วจำนวนกว่า 6.4 ล้านราย เป็นเงินให้กู้ยืมกว่า 7 แสนล้านบาท ซึ่งในแต่ละปีการศึกษา มีจำนวนนักเรียน นักศึกษาผู้กู้ยืมเงินกว่า 6 แสนคน มีสถานศึกษาที่เข้าร่วมดำเนินงานกับกองทุนทั่วประเทศกว่า 4,000 แห่ง
อย่างไรก็ตามสำหรับสถานศึกษาที่มีอัตราชำระหนี้ดีที่สุด 25 อันดับแรก มีดังนี้
- มหาวิทยาลัยพะเยา
- มหาวิทยาลัยศิลปากร
- มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา
- มหาวิทยาลัยนเรศวร
- มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
- มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
- มหาวิทยาลัยมหิดล
- มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
- มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
- มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
- มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี
- มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ
- มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
- สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
- มหาวิทยาลัยบูรพา
- มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์
- มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
- จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- มหาวิทยาลัยแม่โจ้
- มหาวิทยาลัยขอนแก่น
- มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย
- มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์
- สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์
- มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร
- มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน