“ตะล่อมสิน” แตกไลน์ธุรกิจโรงเรียน li’lberry International Preschool

ฉุดไม่อยู่แล้วจริง ๆ กับการเติบโตของโรงเรียนนานาชาติในไทย กลุ่มบริษัทตะล่อมสิน แตกไลน์ธุรกิจใหม่ li’lberry International Preschool สาขาแรกในไทย ด้วยงบฯ 100 ล้านบาท จุดเริ่มต้นมาจาก “ป๊อบ-วรรณวรี ตะล่อมสิน” และกลุ่มคนที่เป็นผู้ปกครอง มีแนวคิดต้องการยกระดับการศึกษาพรีสกูล (การศึกษาของเด็กอายุ 18 เดือน-6 ปี) เป็นทางเลือกตอบโจทย์และตรงจุดความต้องการมากยิ่งขึ้น พร้อมรับความท้าทายใหม่ ๆ ในปี 2568

“วรรณวรี ตะล่อมสิน” ผู้บริหาร li’lberry International Preschool เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า เป็นการตัดสินใจครั้งแรกที่จะลงทุนใหม่ในธุรกิจโรงเรียน เพราะเห็นการเติบโตของโรงเรียนนานาชาติในปัจจุบันที่กำลังมาแรง แม้การแข่งขันค่อนข้างสูง

วรรณวรี ตะล่อมสิน
วรรณวรี ตะล่อมสิน

แนวโน้มที่เห็น คือ ธุรกิจโรงเรียนนานาชาติบูมมากในช่วง 3-4 ปีนี้ ที่เปิดใหม่ก็มีจำนวนมาก ข้อมูลจากกระทรวงศึกษาธิการ ปี 2567 ระบุว่า ประเทศไทยมีโรงเรียนทั้งหมด 30,000 โรงเรียน แต่มีโรงเรียนนานาชาติเพียง 267 แห่ง ถือเป็นสัดส่วนไม่ถึง 1%

ส่วนแนวโน้มการปิดตัวของโรงเรียนทั่วไป ลดลงทุกปีเฉลี่ยปีละ 0.6% ขณะที่แนวโน้มการเปิดตัวโรงเรียนนานาชาติกลับเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 5%

“การเปิดตัวสวนทางของโรงเรียนนานาชาติ สาเหตุหลักมาจากพ่อแม่ต้องการให้ลูกเรียนหลักสูตรที่แตกต่าง เชื่อมั่นในระบบการเรียนการสอน ภาษาที่หลากหลาย โดยเฉพาะโรงเรียน 3 ภาษา ยิ่งได้เปรียบ จึงมั่นใจว่า โรงเรียนนานาชาติยังมีดีมานด์ที่สูงอย่างต่อเนื่องในอีกหลายปี”

ยกระดับการศึกษาในไทย

วรรณวรี บอกเล่าถึงจุดเริ่มต้นของ li’lberry International Preschool หรือ ลิลเบอร์รี่ อินเตอร์เนชั่นแนล พรีสคูล ว่า เกิดจากการระดมสมองแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในกลุ่มผู้ถือหุ้นรายย่อย ซึ่งบางคนก็เป็นคุณพ่อคุณแม่ มาช่วยกันปรับและพัฒนาให้เข้ากับโรงเรียนให้ดีที่สุด โดยมีกลุ่มบริษัทตะล่อมสินเป็นผู้ถือหุ้นหลัก ด้วยงบประมาณกว่า 100 ล้านบาท

ADVERTISMENT

ตัวเธอสนใจเรื่องการศึกษามาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย รู้สึกว่าการเรียนระบบการศึกษาไทย เป็นการเรียนแบบท่องจำนำไปสอบ และการเรียนการสอนเป็นแบบฟิกซ์ตายตัว ไม่ค่อยเอื้อต่อการสร้างสรรค์ส่งเสริมอะไรใหม่ ๆ ประกอบกับพอมีลูกชายคนแรกได้ไปเรียนเกี่ยวกับจิตวิทยาเด็กหลายคอร์ส ทำให้รู้ตัวว่าตัวเองชอบและสนใจเรื่องพัฒนาการเด็กเล็กมาก

จนเมื่อ 2 ปีก่อน ได้มีโอกาสไปเจอโรงเรียน Mulbery Learning Singapore อยู่ในกลุ่มบริษัท Global Eduhub ของสิงคโปร์ เป็นโรงเรียนหลักสูตรนานาชาติที่เปิดในสิงคโปร์ มาตั้งแต่ปี 2459 มีสาขาทั้งหมด 27 สาขา ใน 5 ประเทศ ได้รับรางวัลต่าง ๆ มากมาย กำลังมองหาแฟรนไชส์ในประเทศไทย จึงได้เริ่มศึกษาข้อมูลเรื่องหลักสูตรการเรียนการสอนของโรงเรียน ทำให้ทราบว่าเป็นโรงเรียนอนุบาลนานาชาติที่ตรงใจมาก จึงตัดสินใจนำหลักสูตรมาเปิดในไทยเป็นสาขาแรกในที่สุด

ADVERTISMENT

3 ภาษาจริง สิงคโปร์แท้

ลิลเบอร์รี่ อินเตอร์เนชั่นแนล พรีสคูล ใช้หลักสูตรเดียวกับ Mulberry Learning Singapore นำหลักสูตรทั้งหมดจากสิงคโปร์ มาไว้ที่กรุงเทพฯ

วรรณวรีบอกเล่าต่อว่า อย่างที่ทราบกันดีว่า สิงคโปร์เป็นหนึ่งในประเทศที่มีระบบการศึกษาที่ดีที่สุดในโลก และให้ความสำคัญกับการเรียนรู้ในระดับเริ่มต้นที่สุด ซึ่งสอดคล้องเป้าหมายการเรียนการสอนของ Li’lberry คือ เพื่อวางรากฐานและสนับสนุนให้เด็กมีชีวิตวัยเด็กที่มีความสุข

สร้างความทรงจำที่ดีและมีความหมายให้พวกเขา บ่มเพาะความมั่นใจและความกระตือรือร้น ปลูกฝังทัศนคติและคุณค่าเชิงบวก เพื่อที่เด็ก ๆ จะเติบโตไปเป็นประชากรโลกที่มีคุณภาพและมีความใส่ใจต่อโลกรอบตัว

จุดเด่นของ ลิลเบอร์รี่ อินเตอร์เนชั่นแนล พรีสคูล ตั้งเป้าหมายให้เป็นโรงเรียนที่สร้างระบบนิเวศเพื่อเด็ก ๆ อยู่ในสภาพแวดล้อมที่สนุกและมีความสุขกับการเรียนรู้และเหมาะสมกับพัฒนาการตามวัย โดยใช้ส่วนประกอบหลากหลาย แน่นอนว่าในเชิงวิชาการ เน้นตามหลักสูตรของสิงคโปร์ อาทิ Literacy, Numeracy, Chinese, STEAM Enrichment ด้วยรูปแบบการเรียน Project Inquiry

“การเรียนแบบ Project Inquiry การศึกษาในอนาคตจะไม่แบ่งแยกวิชา การเรียนเป็นโปรเจ็กต์จะเป็นการบูรณาการความรู้ให้สามารถใช้ได้จริง เรียนลงเจาะลึกพัฒนาการความคิดอย่างเป็นระบบ สร้างการคิดพื้นฐานเป็นตรรกะ”

ผสานการเรียนรู้ 3 แกน

ใช้หลักสูตรการเรียนการสอนแบบ S.T.E.A.M Curriculum เป็นหลักสูตรที่รวมเอาวิชาในสาขาวิทยาศาสตร์ (Science), เทคโนโลยี (Technology), วิศวกรรมศาสตร์ (Engineering), ศิลปะ (Arts) และคณิตศาสตร์ (Mathematics) มารวมกัน เพื่อส่งเสริม เป็นการเรียนรู้ที่มีความเชื่อมโยงและบูรณาการระหว่างสาขาวิชาต่าง ๆ

มุ่งพัฒนา Habits of Mind เป็นแนวทางการเรียนการสอนที่มุ่งเน้น การพัฒนาทักษะการคิดและการแก้ปัญหาในเด็ก โดยมีหลักการที่คิดค้นโดยนักการศึกษาชาวอเมริกัน Dr.Art Costa และ Bena Kallick ซึ่งประกอบด้วย 16 ข้อ แต่ในระดับอนุบาลจะนำมาใช้เพียง 12 ข้อ

แนวทางนี้ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้เด็ก ๆ สามารถคิดอย่างมีเหตุผลและมีความคิดสร้างสรรค์ โดยการส่งเสริมให้เด็กมีนิสัยคิดอย่างมีระบบ เช่น การตั้งคำถาม การวิเคราะห์ข้อมูล การคิดอย่างมีวิจารณญาณ และการทำงานร่วมกับผู้อื่น ปัจจุบันแนวทางนี้ถูกใช้เป็นมาตรฐาน การสอนของเด็กนักเรียนในสิงคโปร์

ยึดปรัชญาการเรียนรู้ตามแนวทาง เรกจิโอ เอมิเลีย (Reggio Emilia) ซึ่งมุ่งเน้นเรียนรู้ เพื่อส่งเสริมศักยภาพของเด็ก ๆ ให้เติบโตอย่างเต็มที่ในบรรยากาศที่สนับสนุนการเรียนรู้และการสร้างสรรค์ เด็ก ๆ จะได้มีโอกาสลงมือทำและสำรวจโลกใบนี้ผ่านประสบการณ์จริง พร้อมทั้งแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเพื่อน ๆ และคุณครูอย่างสนุกสนาน สร้างโปรเจ็กต์ที่นักเรียนเป็นผู้นำ (Project-based Learning) และยึดเด็กเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้

สร้างสภาพแวดล้อมใหม่

วรรณวรี เล่าการออกแบบโรงเรียน และ Facility เพื่อส่งเสริมกิจกรรมภายในโรงเรียน ยึดหลัก Reggio Emilia ที่มีแนวคิดว่า สภาพแวดล้อมมีผลต่อการเรียนรู้ของเด็ก ดังนั้น จึงได้ทำงานร่วมกับสถาปนิกที่เชี่ยวชาญเรื่องการออกแบบโรงเรียนอนุบาล โดยตั้งใจออกแบบให้ทุกมุมในโรงเรียนเป็นพื้นที่สนุก ๆ ให้เด็ก ๆ เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ได้ ห้องเรียนทุกห้องเน้นการใช้แสงธรรมชาติให้มากที่สุด

ออกแบบโดยดูทิศทางลมให้โรงเรียน ทำให้มีลมถ่ายเทตลอดปี และเพราะเรารู้ว่า หน้าที่หลักของเด็กเล็ก คือ การเล่น จึงให้ความสำคัญของพื้นที่เล่นอย่างมาก มี Outdoor Playground ที่กว้างขวาง Sandpit บ้านต้นไม้ ให้เด็กได้วิ่งอย่างอิสระและสำรวจสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างเต็มที่

รวมทั้งพื้นที่เล่น Indoor Playground ขนาด 700 ตารางเมตร ให้เด็กยังคงสามารถเล่นสนุกและปลอดภัยได้ รวมไปถึงป้องกันปัญหาเรื่อง PM 2.5 ไม่ให้มาขัดขวางการเล่นของเด็ก

Li’lbery Signature Learning Space มีความแตกต่าง หลากหลาย ไม่เหมือนใคร อาทิ Art Atelier, Busy Baker, Construction Piazza, Discovery Cove, Imaginary Playscape, Reading Nook, Finger Gym, Light Atelier เพื่อให้เด็กได้เรียนรู้และสร้างจินตนาการไร้ขอบเขต รวมไปถึงสระว่ายน้ำให้เด็ก ๆ ได้เล่นสนุกและฝึกทักษะการว่ายน้ำเบื้องต้นที่เหมาะสมกับวัย

พรีเมี่ยมสกูล-ครู

หลักสูตรและปรัชญาข้างต้นทั้งหมด จะถูกนำมาใช้กับ Li’lberry ที่ไทย 100% นอกจากนี้ ยังเป็นโรงเรียนนานาชาติหลักสูตร 3 ภาษาแท้ ๆ คือ อังกฤษ จีน ไทย, มีสัดส่วนครูต่อนักเรียนสูง คือ ครู 1 : นักเรียน 3 (เด็กเล็ก) ครูทุกคนมีประสบการณ์สอนเด็กเล็กมาแล้วไม่ต่ำกว่า 5 ปี เน้นจุดสำคัญคือต้องเป็นครูที่รักการสอนเป็นหลัก

ส่วน Teacher Assistant ขอต้องผ่านการฝึกอบรมอย่างเข้มข้นและเข้าใจเด็กวัยอนุบาลในทุกช่วงวัย โดยเราจะจัดคอร์สให้พ่อแม่เรียนรู้เข้าใจพัฒนาการเด็กเล็กด้วย ทั้งหมดนี้เพื่อส่งเสริมและดึงศักยภาพเด็ก พร้อมสร้างเด็กที่จะเติบโตเป็น “Caring Global Citizen” ต่อไปในอนาคต

สำหรับหลักสูตรการเรียนการสอนของ ลิลเบอร์รี่ อินเตอร์เนชั่นแนล พรีสคูล มีการสอน 3 ภาษา ด้วยอัตราส่วน อังกฤษ 60% ไทย 30% และจีน 10% โดยผสานภาษาจีนเข้าไปในการเรียนการสอนทุกวิชา มีทั้งสิ้น 5 ระดับชั้น ประกอบด้วย ระดับ Pre Nursery, Nursery, K1, K2 และ K3 สามารถรองรับนักเรียนได้สูงสุดถึง 200 คน เปิดรับนักเรียนตั้งแต่อายุ 18 เดือน-6 ปี พร้อมเปิดดำเนินการเทอมแรกในเดือนสิงหาคม 2568 บนทำเลย่านพระราม 3