คุณหญิงกัลยา ขับเคลื่อน 5 มิติ ยกระดับการศึกษาเด็กพิเศษปี’65

ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช
ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช

คุณหญิงกัลยา ชูนโยบายการศึกษาพิเศษ ปี 2565 เดินหน้าขับเคลื่อน 5 มิติ เปิดโอกาสให้เด็กเรียนรู้วิชาการ-วิชาชีพ-วิชาชีวิต 24 ชั่วโมง พร้อมตั้งศูนย์วิจัยยกระดับการศึกษาเด็กพิเศษ เปิดโลกการเรียนรู้ใหม่อย่างยั่งยืน

วันที่ 5 พฤศจิกายน 2564 ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า ในฐานะที่ตนเองเป็นผู้กำกับนโยบายด้านการศึกษาพิเศษ ในปี 2565 นี้จะเดินหน้าขับเคลื่อน 5 ด้านสำคัญเพื่อเป็นการปูพื้นฐานการเรียนรู้ สู่การใช้ชีวิตจริง ให้สามารถพึ่งตนเองได้อย่างยั่งยืน ซึ่งประกอบไปด้วย
1.ด้านวิชาการ ให้มีโอกาส ในรูปแบบอยู่ประจำ โดยจัดการเรียนรู้ตลอด 24 ชม. เน้นด้านวิชาการ ควบคู่กับพื้นฐานการใช้ชีวิตด้วย

2.ด้านวิชาชีพ เด็กด้อยโอกาสและเด็กพิการ เมื่อมีโอกาสได้เรียนรู้แล้ว ต้องติดอาวุธทางวิชาชีพให้ด้วย ซึ่งระหว่างเรียน มีให้เลือกทั้งงานช่าง งานในภาคอุตสาหกรรม งานภาคการเกษตร ตามความถนัดและกำลังของแต่ละคนที่จะทำได้ เพื่อเป็นแนวทางในการประกอบอาชีพ พึ่งตนเองได้ หลังจากจบการศึกษาไปแล้ว

3.ด้านวิถีชีวิต จากการให้ความรู้ด้านวิชาการและติดอาวุธด้านวิชาชีพแล้วในกลุ่มเด็กด้อยโอกาสที่เรียนในรูปแบบประจำ จะได้ในเรื่องการเรียนรู้ด้านการใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่นติดตัวไปด้วย รู้จักการเอื้อเฟื้อแบ่งปัน การให้อภัย ปรับตัวให้เข้ากับเพื่อนและผู้ใหญ่ เพื่อให้ง่ายในการปรับตัว ก่อนออกไปสู่สังคมภายนอกหลังจบการศึกษา

4.ด้าน Coding โดยรูปแบบการเรียนรู้ตามหลักนโยบายการศึกษาพิเศษรูปแบบใหม่ จะเน้นการเรียนการสอนตามหลักสูตรผสมผสานกับกระบวนคิดแบบ Coding ให้เข้าไปในทุกรายวิชา เป็นการปลูกฝังให้เด็กรู้จักคิด วิเคราะห์ และแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ

5.ด้าน Coaching เพราะหัวใจสำคัญของการขับเคลื่อนนโยบายการศึกษาพิเศษ คือ ครูผู้สอน เพราะต้องทุ่มเทเอาใจใส่เป็นพิเศษ คอยช่วยสนับสนุน ให้คำแนะนำ โดยเฉพาะกลุ่มเด็กพิการ ซึ่งในสถานการณ์ปัจจุบัน รูปแบบการสอนก็ต้องเปลี่ยนไปต้องเปลี่ยนบ้านให้เป็นโรงเรียน เปลี่ยนพ่อแม่เป็นครู ทั้งครูและผู้ปกครองต้องทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด

“กระทรวงศึกษาจะให้การศึกษากับเด็กด้อยโอกาสให้มีโอกาสมากขึ้น โดยให้อยู่ประจำ เป็นการให้ความรู้ตลอด 24 ชั่วโมง นั่นหมายถึงว่าจะต้องให้ความรู้ ทั้งในด้านวิชาการ ให้ความรู้ในด้านการใช้ชีวิต และสุดท้ายให้ความรู้เกี่ยวกับวิชาชีพ เนื่องจากเด็กที่ด้อยโอกาสเหล่านี้เมื่อได้เรียนรู้แล้ว ก็ต้องสามารถนำความรู้นั้นไปประกอบวิชาชีพได้เมื่อสำเร็จการศึกษาออกไปแล้ว ที่สำคัญเรายึดมั่นว่าการศึกษาไทยจะต้องไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง”

ดร.คุณหญิงกัลยา กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ในปี 2565 ทางกระทรวงศึกษาธิการจะเน้นให้ความสำคัญในเรื่องของการพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนให้เหมาะสมและมีประสิทธิภาพกับเด็กพิการ และด้อยโอกาส โดยจะมีการจัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาการศึกษาขึ้น เพื่อให้เด็กเหล่านี้ได้รับการศึกษาที่ยกระดับขึ้น ทำให้มีความสามารถที่จะเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ในชีวิตได้มากขึ้น รวมไปถึงในเรื่องความปลอดภัยของเด็กในการมาโรงเรียนซึ่งถือเป็นเรื่องที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก