บทบรรณาธิการ
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) วันที่ 14 มิถุนายนนี้ ร่างยุทธศาสตร์ชาติ ภายใต้ พ.ร.บ.การจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ. 2560 ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เสนอ จะถูกบรรจุเข้าวาระการประชุมเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ แม้จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์และถูกตั้งคำถามจากหลายฝ่าย
โดยเฉพาะประเด็นเรื่องความซ้ำซ้อนระหว่างยุทธศาสตร์ชาติกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และแนวนโยบายของสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) หรือการกำหนดบทบาทหน้าที่ให้คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติกำกับดูแลการนำเสนอนโยบาย รวมทั้งการบริหารจัดการนโยบายของรัฐบาลว่าตอบสนองยุทธศาสตร์ชาติหรือไม่ จนถูกมองว่าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ต้องการจะสืบทอดอำนาจ
ประกอบกับบทบัญญัติในกฎหมายดังกล่าวกำหนดให้มีการวางยุทธศาสตร์ชาติในระยะยาว 20 ปี พร้อมจัดทำแผนแม่บทตามยุทธศาสตร์แต่ละด้านให้รัฐบาลที่จะเข้ามาบริหารประเทศชุดต่อ ๆ ไปต้องดำเนินการตามกรอบที่วางไว้ ทำให้เกิดข้อท้วงติงจากหลายฝ่ายว่า การบริหารงานของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งซึ่งจำเป็นต้องกำหนดนโยบายใหม่ ๆ ตอบสนองความต้องการของประชาชนอาจทำได้ยากเพราะตลอดช่วงเวลา 20 ปี นอกจากสถานการณ์จะเปลี่ยนแปลงรวดเร็วแล้ว ปัจจัยแวดล้อมที่จะเข้ามากระทบไม่ว่าจะลบหรือบวกก็ย่อมปรับเปลี่ยน การกำหนดให้รัฐบาลที่เข้ามาบริหารจัดการประเทศในแต่ละช่วงต้องปฏิบัติตามยุทธศาสตร์ระยะยาวที่วางไว้ มิฉะนั้นจะมีโทษในทางอาญา และอาจนำไปสู่การถอดถอนตำแหน่งในทางการเมือง จึงอาจทำให้เกิดปัญหา มากกว่าจะสร้างโอกาสให้กับประเทศ
ขณะเดียวกันก็มีเสียงสะท้อนว่า การให้คนเพียงกลุ่มเดียวเป็นผู้ชี้ชะตาอนาคตประเทศ โดยไม่ได้เปิดกว้างให้คนระดับกลางและล่างแสดงความคิดเห็น หรือเข้ามามีส่วนร่วม เท่ากับขีดเส้นให้คนส่วนใหญ่ต้องเดินตามแนวทางที่กลุ่มคนซึ่งกุมอำนาจในการบริหารจัดการประเทศในปัจจุบันกำหนดไว้
เจตนาดีที่จะวางยุทธศาสตร์ชาติเพื่อกำหนดกรอบแนวทางในการพัฒนา และการแก้ไขปัญหาของประเทศในระยะยาว จึงถูกตีความไปในเชิงเป็นลบ เพราะแม้กฎหมายจะเปิดช่องให้รัฐบาลที่จะเข้ามาบริหารประเทศในวันข้างหน้าสามารถปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์ได้ แต่กระบวนการขั้นตอนอาจดำเนินการได้ยาก และมีปัญหาในทางปฏิบัติ
การพิจารณาร่างยุทธศาสตร์ชาติวันที่ 14 มิถุนายนนี้ ที่ประชุม สนช.จึงน่าจะหยิบยกประเด็นดังกล่าวขึ้นหารือ ก่อนจะไฟเขียว ที่สำคัญหากสามารถสร้างหลักประกันให้ทุกภาคส่วนมั่นใจได้ว่า ยุทธศาสตร์ชาติจะนำพาประเทศไปข้างหน้าได้อย่างเข้มแข็งมั่นคง ความคลางแคลงใจไม่เชื่อมั่นจะได้ลดน้อยลง
รับข่าวสาร ผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊ก ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
อย่าลืมกดติดตาม และกดปุ่ม See first (เห็นโพสต์ก่อน)
www.facebook.com/PrachachatOnline
ทวิตเตอร์ @prachachat
ติดตามอ่านข่าวสารจากประชาชาติออนไลน์ ทันสมัย-ทันใจ
ดาวน์โหลดผ่านแอปพลิเคชั่น >> Prachachat << ได้แล้ววันนี้
ทั้งระบบ ios และ android
อ่านประชาชาติธุรกิจ ทั้งฉบับผ่าน e-Newspaper
ได้ที่แอปพลิเคชั่น Ookbee เลือก “ประชาชาติ”