คอลัมน์ Market-think
โดย สรกล อดุลยานนท์
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- “ทอง” รับข่าวร้ายดันราคาขาขึ้น บาทอ่อนค่าจ่อทะลุ 37 บาท
- แห่ขายที่ดินพ่วงโรงงาน เอกชนถอดใจ-สินค้าจีนตีตลาด
กรณีความขัดแย้งระหว่างช่อง 7 และ “เจเอสแอล” จากการย้ายรายการ “กิ๊กดู๋ สงครามเพลงเงาเสียง” ไปช่องพีพีทีวี
ทั้ง 2 ฝ่ายล้วนมีเหตุผลในมุมของตัวเอง
ต้องยอมรับว่ารายการ “กิ๊ก-ดู๋” ถือเป็นรายการวาไรตี้ที่มีเรตติ้งสูงอันดับต้น ๆ ของช่อง 7 สี
แม้เวลาออกอากาศจะดึกมากก็ตาม
ใครที่เคยดูจะรู้ว่า “กิ๊ก-ดู๋ สงครามเพลงเงาเสียง” สนุกมาก “กิ๊ก” ตลกจริง ๆ
เป็นรายการที่เขาท็อปฟอร์มสุด ๆ
แต่ช่วงเวลาแห่งความสุขของช่อง 7 และเจเอสแอลดำรงอยู่ไม่นาน
เมื่อภูมิทัศน์ของสื่อโทรทัศน์เปลี่ยนไปจากการประมูลทีวีดิจิทัล
และเจอ Disrupt จากเทคโนโลยีและโซเชียลมีเดีย
โฆษณาที่เคยหาได้ง่าย ๆ ก็ไม่ง่าย
ค่าโฆษณาที่สูงก็ลดต่ำลง
โครงสร้างธุรกิจแบบดั้งเดิมของช่อง 7 คือ การให้เช่าเวลา
“เจเอสแอล” ขอลดค่าเช่าลง
ช่อง 7 ยอม แต่ไม่ได้มากเท่าที่ “เจเอสแอล” ต้องการ
มีการต่อรองกันเป็นระยะ ๆ จนวันหนึ่ง “เจเอสแอล” ทนไม่ไหว
เพราะยิ่งทำยิ่งขาดทุน
ก่อนหน้านี้ “ดู๋” สัญญา คุณากร ก็ตัดสินใจเลิกรายการ “ที่นี่หมอชิต” ทางช่อง 7 ไปด้วยเหตุผลแบบเดียวกัน
สู้ค่าเช่าไม่ไหว
กรณีของ “ดู๋” น่าสนใจมาก เพราะเขาไม่ได้แค่เลิกรายการ แต่เขายุบบริษัทเลย
เลิกเป็นผู้ผลิต
เปลี่ยนมาเป็นฟรีแลนซ์รับจ้างเป็นพิธีกรอย่างเดียว
คล่องตัวกว่า
กรณีของ “เจเอสแอล” แตกต่างกันตรงที่เขาไม่ได้เลิกรายการ
ยังผลิต “กิ๊ก-ดู๋ สงครามเพลงเงาเสียง” เหมือนเดิม
แต่ย้ายรายการไปอยู่ช่องพีพีทีวีแทน
เพราะเขาได้เงื่อนไขที่ดีและไม่เสี่ยง คือ รับจ้างผลิตรายการ
ไม่ต้องหาโฆษณาแข่งกับช่อง
รายการนี้จะเริ่มเทปแรกเดือนมกราคมปีหน้า
เรื่องก็น่าจะจบเพียงเท่านี้ ถ้าช่อง 7 ไม่ตัดรายการ “กิ๊ก-ดู๋” ออกจากผังรายการทันทีเมื่อรู้ข่าว
ในมุมของช่อง 7 ด้านหนึ่ง คงต้องการแสดงความเด็ดขาดให้ผู้ผลิตรายการอื่นเห็น
ซึ่งเป็นเรื่องจำเป็นในบางครั้ง
แต่ไม่ใช่ทุกครั้ง
อีกด้านหนึ่ง “พีพีทีวี” ก็คือ “คู่แข่ง” ของเขา
การปล่อยให้รายการ “กิ๊ก-ดู๋” ยังออกอากาศในเดือนธันวาคมต่อไปก็เหมือนกับการประชาสัมพันธ์ให้รายการนี้กับทาง “พีพีทีวี”
แต่ในมุมของ “เจเอสแอล” ที่ถือว่าตัวเองปฏิบัติตามกติกาทุกอย่าง
บอกล่วงหน้า 1 เดือนเพื่อให้ช่อง 7 มีเวลาเตรียมตัว
และในฐานะที่ทำงานร่วมกันมานานหลายสิบปี จะเลิกราจากกันก็ไปลามาไหว้ตามแบบไทย ๆ
แต่การโดนตัดรายการออกจากผังทันทีทั้งที่ “เจเอสแอล” ผลิตรายการล่วงหน้าและขายสปอนเซอร์ไว้แล้ว
“เจเอสแอล” ก็เสียหายหนักทีเดียว
เป็นการตัดบัวไม่เหลือใย
นอกจากเรื่องความขัดแย้งระหว่างช่อง 7 และ “เจเอสแอล” แล้ว มุมหนึ่งที่น่าสนใจมาก ก็คือ จังหวะก้าวของ “พีพีทีวี”
เขาอาศัย “ปัญหา” ระหว่างช่องยักษ์ใหญ่อย่าง “ช่อง 7” และ “ช่อง 3” กับผู้ผลิตรายการสร้าง “โอกาส”
ตามปกติทั้ง 2 ช่อง จะให้ผู้ผลิตรายการเช่าเวลาหรือใช้วิธีไทม์แชริ่งแบ่งเวลาโฆษณากัน
รูปแบบนี้เคยดีงามในช่วงที่ธุรกิจโทรทัศน์ยังเฟื่องฟู
แต่ไม่ใช่ตอนนี้
ผู้ผลิตรายการขายโฆษณาได้น้อยลง
“รายได้” ไม่พอเพียงต่อการผลิตรายการ
ทุกรายอยากขอแปรสภาพเป็นผู้รับจ้างผลิต ไม่ต้องเสี่ยงกับการหาโฆษณา
แต่ช่อง 3-ช่อง 7 ไม่ยอม
นั่นคือ “โอกาส” ของ “พีพีทีวี” ที่เจ้าของเงินหนามาก
หมอปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ
เขาเลือกรายการดัง ๆ จาก 2 ช่องนี้ด้วยเงื่อนไขการจ้างผลิต
เริ่มจากรายการ “เดอะวอยซ์” จากช่อง 3
และตามด้วย “กิ๊ก-ดู๋ สงครามเพลง เงาเสียง” จากช่อง 7
เป็นกลยุทธ์ใช้ “เงิน” ซื้อ “เรตติ้ง”
ไม่ต้องเริ่มต้นสร้างรายการใหม่
ดึงรายการเดิมที่มีแฟนประจำอยู่แล้วมาอยู่ในผังรายการเลย
ผมเชื่อว่านอกจาก 2 รายการนี้แล้ว ด้วยเงื่อนไข “จ้างผลิต” ที่จูงใจจะดึงดูดผู้ผลิตรายการที่กำลังจับไข้จากรายได้โฆษณาที่หดหายไปให้มาอยู่กับ “พีพีทีวี” อีกหลายรายการ
งานนี้คงต้อง “เผาเงิน” กันเยอะทีเดียว
เป็นการพิสูจน์ว่าระหว่าง “แชมป์” กับ “ผู้ท้าชิง”
พลังของการเอาชนะนั้นแตกต่างกัน
รับข่าวสาร ผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊ก ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ อย่าลืมกดติดตาม และกดปุ่ม See first (เห็นโพสต์ก่อน)
www.facebook.com/PrachachatOnline
ทวิตเตอร์ @prachachat
อ่านประชาชาติธุรกิจ ทั้งฉบับผ่าน e-Newspaper
ได้ที่แอปพลิเคชั่น Ookbee เลือก “ประชาชาติ”
ไม่พลาดข่าวสารเศรษฐกิจ เจาะลึกทุกประเด็นทั้งภาครัฐ-เอกชน เพิ่มเราเป็นเพื่อนที่ Line ได้เลย พิมพ์ @prachachat หรือสแกน QR Code