ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET Index) ตั้งแต่ต้นปีถึงสิ้นเดือน ส.ค. (YTD) หรือ 8 เดือนแรกปรับลดลง -1.88% โดยนักลงทุนสถาบันในประเทศ ขายสุทธิไปกว่า 118,440 ล้านบาท นักลงทุนในประเทศ ขายสุทธิกว่า 53,700 ล้านบาท
และบัญชีหลักทรัพย์ ขายสุทธิกว่า 2,440 ล้านบาท ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิกว่า 174,600 ล้านบาท
- เรือสิงคโปร์ชนสะพานในสหรัฐ มีประวัติไม่ดีมาก่อน เรารู้อะไรแล้วบ้างตอนนี้ ?
- ราคาทองวันนี้ (29 มี.ค. 67) พุ่งกระฉูด 600 บาท ทองรูปพรรณบาทละ 39,050 บาท
- เลิกอุ้มดีเซล 30 บาท จ่อขยับเพดานราคา 2 บาท มีผล 1 เมษายน 2567
“กสิกรไทย” คาด SET ฟื้น Q4
มองไปข้างหน้า “สรพล วีระเมธีกุล” ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย ชี้ว่า ในเดือน ก.ย. SET Index น่าจะไซด์เวย์ถึงไซด์เวย์ดาวน์
โดยดัชนีน่าจะไปเริ่มฟื้นตัวได้ในไตรมาส 4 เนื่องจากคาดว่าน่าจะเห็นความชัดเจนของเงินเฟ้อว่าผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว ในขณะที่ตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐออกมาไม่ดี ก็น่าจะลดโอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะขึ้นดอกเบี้ยแรงลงไป
“พอเกิดภาพแบบนี้ฝั่ง Dollar Index จะค่อย ๆ อ่อนตัว และค่าเงินในสกุลฝั่งประเทศเกิดใหม่ (EM) โดยเฉพาะในอาเซียน ก็จะมีโอกาสกลับมา perform ได้ ตอนนี้จะเห็นว่า PMI Index ฝั่งเอเชียใต้ อย่าง ไทย, อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์
ยังค่อนข้างแข็งแกร่งอยู่ ในขณะที่เอเชียเหนือ (เกาหลีใต้, ญี่ปุ่น) รวมถึงยุโรป และอเมริกา ติดลบไปหมดแล้ว ฉะนั้นกลุ่มประเทศอาเซียนในช่วงที่เหลือของปีน่าจะแข็งแกร่ง และอาจจะมีผลงานดีกว่า (outperform) ทวีปอื่น ๆ”
ลุ้นรัฐออกมาตรการกระตุ้น ศก.
นอกจากนี้ ช่วงโค้งสุดท้ายของปีคาดว่ารัฐบาล เตรียมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ จากการส่งสัญญาณของกระทรวงพลังงาน และกระทรวงการคลัง คาดว่าจะเห็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงไตรมาส 4
รวมถึงไทยมีอัพไซด์จากเรื่องนักท่องเที่ยว ที่น่าจะสามารถยืนยันในช่วงเดือน พ.ย.เป็นต้นไปว่า จีนจะเปิดให้นักท่องเที่ยวออกมาท่องเที่ยวได้เป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นโมเมนตัมที่ดีต่อไทย
“สรพล” กล่าวอีกว่า หากปัจจัยการเมืองในไทยนิ่ง เม็ดเงินลงทุนกลุ่มนักลงทุนสถาบัน จะกลับเข้ามาทยอยสะสมหุ้น และเป็นตัวผลักดันตลาดหุ้นไทยได้
ซึ่งหุ้น 3 กลุ่มที่น่าสนใจ คือ 1.หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์และหุ้นที่ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยเริ่มปรับตัวขึ้น 2.หุ้นโรงไฟฟ้า และ 3.หุ้นกลุ่มเปิดเมือง (reopening) ไม่ว่าจะเป็นสายการบิน, โรงแรม, ห้างสรรพสินค้า และรถไฟฟ้า
“เรามองกรอบดัชนี SET Index ในไตรมาส 4 บริเวณแนวรับที่ 1,585 จุด ส่วนแนวต้านเกือบ 1,700 จุด ถ้าย่อลงมาบริเวณแนวรับเป็นจังหวะเข้าซื้อหุ้นข้างต้น โดยมองเป้าดัชนีช่วง 12 เดือนข้างหน้าไว้ที่ 1,740 จุด
ทั้งนี้ ปัจจัยเสี่ยงที่คาดการณ์ไม่ได้ ก็คือ โอกาสที่เฟดอาจจะไม่ขึ้นดอกเบี้ยแรง ๆ แต่อาจจะหันมาทำ quantitative tightening (QT) หรือนโยบายดึงสภาพคล่องออกจากระบบแรง ๆ ซึ่งเป็นเรื่องเดียวตอนนี้ที่สร้างความกังวลต่อภาวะตลาดหุ้น”
ครึ่งปีหลังหุ้นไทยมีเสน่ห์ขึ้น
ขณะที่ บล.เอเซีย พลัส วิเคราะห์ว่า ในเดือน ก.ย. SET Index เข้าสู่โหมดแจ่มใส โดยความเสี่ยงต่าง ๆ เริ่มอยู่ในกรอบจำกัด พร้อมกับเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของปัจจัยพื้นฐาน (fundamental) และกระแสเงินทุนต่างชาติ (fund flow) ที่ชัดเจน
โดยมองเศรษฐกิจไทยจะเติบโตสูงกว่า 3% ตามที่หลายฝ่ายได้ตั้งเป้าหมายไว้ หลัก ๆ มาจากการเปิดประเทศเต็มรูปแบบ ซึ่งจะเป็นตัวสร้างกิจกรรมเศรษฐกิจให้กลับเข้าสู่ภาวะปกติ เฉพาะอย่างยิ่งในภาคท่องเที่ยวและบริการ สวนทางกับ เศรษฐกิจในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วที่บางประเทศเข้าสู่ภาวะ recession บางประเทศ GDP growth รายไตรมาสเริ่มติดลบ และบางประเทศส่งสัญญาณการชะลอตัวชัดเจน
จากสภาวะตลาดหุ้นไทยดูมีเสน่ห์มากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง หนุนให้ฝ่ายวิจัยปรับระดับ market earning yield gap ที่ใช้กำหนดเป้าหมายดัชนีจาก 4.4% มาเป็น 4.2% (ค่าเฉลี่ยในอดีต) หรือปรับเพิ่มระดับ P/E ตลาดเป็น 18 เท่า (ภายใต้ดอกเบี้ยปลายปีที่ 1.25%) ถัดมาคือ
ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนงวด 2Q65 ที่สร้างจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับราว 3.5 แสนล้านบาท นำไปสู่การปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2565 ขึ้นเป็น 1.17 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น EPS ที่ 96.1 บาท/หุ้น (เติบโตจากปีก่อน 11.7%)
ซึ่งทั้ง 2 ส่วนหนุนให้ Target SET Index ณ สิ้นปี 2565 อยู่ที่ 1,730 จุด ภาวะที่กล่าวมาทั้งหมด เชื่อว่าน่าจะขับเคลื่อนให้ fund flow ไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นไทยต่อ อีกทั้งปัจจุบันสัดส่วนการถือครองหุ้นไทยทางตรงจากต่างชาติยังอยู่ในระดับต่ำกว่าปกติไม่ถึง 22% มีช่องว่างให้ไหลเข้ามาได้อีก หรือยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยที่ 26.2% อีกทั้งในอดีต 9 ปีที่แล้ว ต่างชาติยังเคยถือครองสูงถึง 30.2%
“ทิสโก้” เก็งฟันด์โฟลว์ทะลัก
ฟาก “อภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล” ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ด้วยแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยและกำไรบริษัทจดทะเบียนที่ดีกว่าคาด หนุนให้ fund flow ไหลเข้าตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง โดยเฉพาะในเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา
โดยมองว่าแนวโน้ม fund flow ในช่วง 6-12 เดือนข้างหน้า ยังเป็นบวก จากคาดการณ์ ว่ามูลค่าของเศรษฐกิจไทยที่แท้จริง (real GDP) จะกลับขึ้นมาสู่ระดับช่วงก่อนโควิด-19 ในไตรมาส 3/2565 และจะกลับมาสู่ระดับแนวโน้มการเติบโตตามศักยภาพในปีหน้า
“ต่างชาติจะสามารถซื้อสุทธิได้อีก 1.4 แสนล้านบาท ตัวเลขดังกล่าวสอดคล้องกับสัดส่วนการถือครองหุ้นไทยของต่างชาติที่ปัจจุบันอยู่ที่ 27.1% หากต่างชาติกลับมาถือหุ้นไทยเทียบเท่ากับช่วงก่อนโควิดในปี 2562 ที่เฉลี่ยอยู่ที่ 27.8% จะเทียบเท่าเม็ดเงินต่างชาติไหลเข้าอีกราว 1.3 แสนล้านบาท”
อย่างไรก็ตาม เดือน ก.ย.นี้ จะมีการประชุมธนาคารกลางสำคัญ ๆ หลายแห่ง ซึ่งยังคงเร่งเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย และอาจมากกว่าตลาดคาด และการดึงสภาพคล่องออกจากระบบของเฟด จะเพิ่มขึ้นเท่าตัว (QT) เป็นเดือนละ 9.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ในเดือน ก.ย.นี้เป็นต้นไป
คาดจะทำให้ตลาดหุ้นเกิดความผันผวนได้ง่าย ผสานกับความไม่แน่นอนของคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญกรณีนายกรัฐมนตรีดำรงตำแหน่งครบ 8 ปีภายในเดือนนี้ อาจทำให้ fund flow ชะลอตัว หรือพลิกเป็นไหลออกได้ในระยะสั้น
ยืนเป้าดัชนีสิ้นปี 1,720 จุด
“หาก SET Index ขึ้นผ่านจุดสูงสุดชั่วคราวที่บริเวณดัชนี 1,650-1,665 จุด มองระดับการปรับฐานที่น่าสนใจต่อการทยอยสะสมจะอยู่ที่บริเวณ 1,570-1,600 จุด และโอกาสจะกลับมาปรับตัวขึ้นอีกครั้งในไตรมาส 4 โดยยังคงเป้าหมาย SET Index ที่เหมาะสมปีนี้ที่ 1,720 จุด ส่วนแนวรับสำคัญเดือน ก.ย.อยู่ที่ 1,600 จุด และแนวต้านสำคัญอยู่ที่ 1,650-1,665 จุด และ 1,700 จุดตามลำดับ”
ท่ามกลางความปั่นป่วนของโลกที่กระทบชิ่งมาไทย ซึ่งหลายปัจจัยยังรอความชัดเจน คงต้องติดตามกันต่อไปว่า หุ้นไทยจะไปต่อในทิศทางไหนในช่วงโค้งสุดท้ายของปี