กสิกรไทย มองเงินบาทมีโอกาสทดสอบ 38 บาท คาด กนง.ขึ้นดอกเบี้ย 2 ครั้ง

เงินบาท

ธนาคารกสิกรไทย คาด กนง.ขึ้นดอกเบี้ยการประชุม 2 ครั้ง ครั้งละ 0.25% ต่อปี สิ้นปี’65 อาร์พีอยู่ที่ 1.25% เชื่อช่วยพยุงค่าเงินบาททางอ้อม หลังเฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ย หนุนเงินบาทผันผวนสูง มีโอกาสแตะ 38 บาทต่อดอลลาร์ ยันบาทอ่อนไม่เกี่ยวเงินทุนเคลื่อนย้าย

วันที่ 23 กันยายน 2565 นายกอบสิทธิ์ ศิลปชัย ผู้บริหารงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ธนาคารประเมินว่า

คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะมีการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (RP) ในการประชุม 2 ครั้งที่เหลือ ครั้งละ 0.25% ต่อปี ส่งผลให้ดอกเบี้ยนโยบายสิ้นปี 2565 จะอยู่ที่ 1.25% ต่อปี แม้ว่าความพร้อมของเศรษฐกิจไทยยังไม่ดี โดยเศรษฐกิจไทยยังคงโตต่ำกว่าศักยภาพประมาณ 5% ทำให้การปรับขึ้นดอกเบี้ยคงเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป และไม่เร่งขึ้นเร็วเท่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

อย่างไรก็ดี การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ กนง.ครั้งนี้ มองได้ 2 มิติ ส่วนหนึ่งเป็นการควบคุมอุปสงส์ หรือต้นทุน ทำให้ค่าเงินอ่อนค่า ซึ่งการปรับขึ้นดอกเบี้ยจะเป็นการช่วยเรื่องค่าเงินทางอ้อม เพื่อไม่ให้ค่าเงินอ่อนค่าเกินไปจนเป็นภาระผู้นำเข้า เพราะการใช้เครื่องมือดอกเบี้ยน่าจะใช้มาตรการอื่น ๆ เช่น กองทุนน้ำมันฯ เป็นต้น

ทั้งนี้ คาดว่าในระยะสั้นอาจจะเห็นค่าเงินผันผวนสูงจากนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และเงินสกุลดอลลาร์แข็งค่า ซึ่งมีโอกาสเห็นเงินบาทอ่อนค่าทดสอบระดับ 38.00 บาทต่อดอลลาร์ ก่อนจะกลับมาแข็งค่าซื้อขายในกรอบ 35.00 บาทต่อดอลลาร์ภายในสิ้นปีนี้ จากภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวหนุนดุลบัญชีเดินสะพัด

ขณะที่ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยต่อเงินทุนเคลื่อนย้าย (ฟันด์โฟลว์) มองว่า สถานการณ์ตลาดพันธบัตร (บอนด์) และหุ้นไม่ได้ตอบรับมากนัก โดยตอนนี้ต้นทุนของตราสารหนี้อยู่ที่ 34.84 บาทต่อดอลลาร์ หากมีการเทขายจะมีผลรับรู้ขาดทุนราว 4.8 หมื่นล้านบาท

ซึ่งคาดว่าตลาดยังไม่น่าจะเทขายหรือชะลอการตัดสินใจ ส่งผลให้สถานะของตลาดหุ้นและบอนด์ไม่ได้เป็นแรงเทขายเท่าที่ควร ส่วนหนึ่งมาจากจีดีพีไทยยังคงสูงกว่าสหรัฐ จึงถูกมองว่าเป็นหลุมหลบภัย (Safe Haven) เช่นกัน

“หากดูการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเฟดทุก 0.25% จะเพิ่มแรงกดดันเงินบาทอ่อนค่าราว 38 สตางค์ ซึ่งเราลุ้นว่าเงินดอลลาร์จะมีการปรับฐาน เพราะถ้าเงินดอลลาร์แข็งค่ามากจะมีผลต่อกำไรสุทธิที่บริษัทสหรัฐไปตั้งอยู่ภายนอกประเทศจะมีกำไรลดลง จากปัจจุบันสหรัฐมีรายได้จากต่างประเทศราว 2.1 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งหากดอลลาร์แข็งค่ากว่าทุกสกุลจะกดดันกำไร”