ปิดจ๊อบท่อส่งน้ำอีอีซี ธนารักษ์เซ็นสัญญา วงษ์สยาม รับเงินเข้ารัฐ 600 ล้านบาท

วงษ์สยาม-ท่อส่งน้ำอีอีซี

ธนารักษ์เซ็นสัญญา “วงษ์สยาม” แล้ววันนี้ เดินหน้าโครงการท่อส่งน้ำอีอีซี รับเงินเข้าหลวงทันทีกว่า 600 ล้านบาท ชี้ตลอดอายุสัญญา 30 ปี ได้รับเงิน 2.5 หมื่นล้านบาท

วันที่ 23 กันยายน 2565 นายประภาศ คงเอียด อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า วันนี้กรมได้เซ็นสัญญากับบริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด ในฐานะผู้ชนะประมูลโครงการบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก หรือท่อน้ำอีอีซี หลังศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งยกคำฟ้องคำร้องคุ้มครองชั่วคราวเมื่อวานนี้ (22 ก.ย.)

ทั้งนี้ กรมมีความพร้อมที่จะดำเนินการเซ็นสัญญาดังกล่าว หลังจากที่ได้มีการเลื่อนการเซ็นสัญญาไปแล้ว 2 ครั้ง โดยครั้งแรกในเดือน พ.ค. 2565 หลังจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสั่งให้มีการตรวจสอบความโปร่งใสในการประมูล และครั้งที่สองในเดือน ส.ค. 2565 หลังศาลปกครองกลางมีคำสั่งฉุกเฉินให้ระงับการเซ็นสัญญา

“เรามีความพร้อมในการเซ็นสัญญาทันที เพราะเราได้เตรียมการเซ็นสัญญามาแล้วถึง 2 ครั้ง เมื่อศาลปกครองสูงสุดยกคำร้องการคุ้มครองชั่วคราว เราก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องชะลอการลงนาม และถ้าเราไม่เซ็นสัญญา รัฐก็จะเสียประโยชน์ และรวมถึงเอกชนที่เป็นผู้ชนะการประมูลด้วย”

นายประภาศกล่าวว่า ยืนยันว่าการดำเนินโครงการประมูลครั้งนี้ เป็นการดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายอย่างครบถ้วน โดยปฏิบัติตามการพิจารณาของคณะกรรมการที่ราชพัสดุ ทั้งนี้ การเซ็นสัญญาดังกล่าวถือเป็นมติในการผูกพันการดำเนินโครงการระหว่างกรมกับบริษัท แต่บริษัทยังไม่สามารถเข้าไปบริหารโครงการได้ โดยจะเข้าไปดำเนินการบริหารได้ต่อเมื่อมีการส่งมอบทรัพย์สินให้แก่บริษัทแล้ว

โดยนับจากนี้ กรมจะส่งหนังสือไปยังบริษัทอีสท์วอเตอร์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้บริหารโครงการในปัจจุบัน ให้ดำเนินการส่งมอบพื้นที่ให้แก่กรม โดยเฉพาะท่อส่งน้ำที่ไม่มีสัญญาเช่า คือโครงการท่อส่งน้ำหนองปลาไหล-หนองค้อ และหนองค้อ-แหลมฉบังระยะที่ 2 ส่วนโครงการท่อส่งน้ำดอกกราย ซึ่งมีสัญญาเช่านั้น จะสิ้นสุดสัญญาในวันที่ 31 ธ.ค. 2566

สำหรับการประมูลโครงการท่อส่งน้ำอีอีซีดังกล่าว มีระยะเวลาการเช่าจำนวน 30 ปี ให้ผลตอบแทนแก่รัฐรวมประมาณ 2.5 หมื่นล้านบาท โดยแบ่งเป็น 1.ค่าแรกเข้าจำนวน 1,450 ล้านบาท ชำระครั้งแรกในการเซ็นสัญญาจำนวน 580 ล้านบาท และเมื่อส่งมอบทรัพย์สินอีก 870 ล้านบาท 2.ผลประโยชน์ตอบแทนรายปี ๆ ละ 2,908 ล้านบาท และ 3.ส่วนแบ่งรายได้รายปี ๆ ละ 21,335 ล้านบาท

“ในวันนี้กรมจะได้รับเงินทันทีจากค่าแรกเข้า 580 ล้านบาท ผลประโยชน์ตอบแทนรายปี 44 ล้านบาท และหลักทรัพย์ประกัน 118 ล้านบาท หากคิดเฉพาะรายได้เราจะมีเงินเข้าหลวงกว่า 620 ล้านบาท”

ขณะที่ในแง่ความเสียหายในช่วงที่กรมไม่สามารถดำเนินการเซ็นสัญญากับวงษ์สยามก่อสร้างได้ กรมจะดำเนินการฟ้องร้องกับอีสท์วอเตอร์ในฐานะผู้ร้องหรือไม่นั้น กรมจะต้องพิจารณาและหารือกับอัยการสูงสุดก่อน

อย่างไรก็ดี ขณะนี้ยังมีคดีที่อีสท์วอเตอร์ฟ้องร้องต่อศาลในเรื่องของการยกเลิกกระบวนการคัดเลือกครั้งที่ 1 และการคัดเลือกผู้ชนะการประมูลในครั้งที่ 2 ซึ่งหากศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งเห็นด้วยกับคำฟ้องร้องนั้น การเซ็นสัญญากับวงษ์สยามจะต้องถือเป็นโมฆะ แต่กรมไม่ต้องรับผิดชอบความเสียหายแก่บริษัทวงษ์สยามที่ได้เข้ามาดำเนินโครงการ เพราะในสัญญาได้เขียนไว้ชัดเจนแล้ว