“อาคม” ยัน ยังไม่หารือเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม 2 อัตรา สินค้าฟุ่มเฟือยยังจ่าย 7%

อาคม เติมพิทยาไพสิฐ

รมว.คลัง ยันยังเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% อัตราเดียว ส่วนกรณีศึกษารีดภาษี VAT 2 อัตรายังไม่หารือเรื่องนี้ ชี้ต้องดูสถานการณ์เศรษฐกิจ-การจัดเก็บรายได้ ยันปีนี้ยังเป็นไปตามเป้า แม้ลดภาษีพยุงราคาน้ำมันดีเซล

วันที่ 26 กันยายน 2565 นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กรณีที่มีกระแสข่าวว่า กระทรวงการคลังได้เคยศึกษาแนวคิดการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ในระบบ 2 อัตรา คือการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มอัตราปกติที่ 7% สำหรับสินค้าทั่วไป และจัดเก็บอัตราสูงกว่า 7% สำหรับสินค้าฟุ่มเฟือยนั้น ยืนยันว่า

ขณะนี้การจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มยังอยู่ที่ 7% อัตราเดียว หากจะต้องเก็บเพิ่มเป็น 2 อัตราเหมือนในบางประเทศนั้น ก็ต้องเข้าไปดูว่าทำไมจึงต้องมี 2 อัตรา เช่น สินค้าที่ฟุ่มเฟือยอาจจะมีการปรับเพิ่ม แต่ยืนยันว่าขณะนี้กระทรวงการคลังยังไม่ได้คิดในเรื่องนี้อย่างจริงจัง

ส่วนจะนำมาใช้ในช่วงจังหวะเวลาใดนั้น ก็ต้องพิจารณาตามสถานการณ์ของแต่ละประเทศ แต่ในส่วนของประเทศไทยเอง กระทรวงการคลังยังไม่ได้มีการหารือในเรื่องนี้ อย่างไรก็ดี ขณะนี้มีหลายประเทศที่ได้ดำเนินการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม 2 อัตราแล้ว ซึ่งสามารถดำเนินการได้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์เศรษฐกิจ และข้อจำกัดการจัดเก็บรายได้ ซึ่งในขณะนี้การจัดเก็บรายได้ยังไม่ได้มีปัญหาอะไรมาก 

“11 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2565 กระทรวงการคลังยังเก็บรายได้เป็นไปตามเป้าหมาย และมีส่วนหนึ่งที่เข้าไปช่วยลดราคาน้ำมัน ผ่านการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล แต่ยังอยู่ในขีดความสามารถที่บริหารจัดการได้ และการจัดเก็บรายได้ในปีงบประมาณนี้ก็ไม่น่ามีปัญหา ส่วนสถานการณ์เศรษฐกิจโลกจะมีผลต่อประเทศไทยอย่างไรนั้น เราก็มีการติดตามและประเมินอยู่ตลอดเวลา”

ขณะที่กรณีเงินบาทอ่อนค่าลงนั้น กระทรวงการคลังมีการประสานกับทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อย่างต่อเนื่อง และ ธปท.ก็ดูแล และติดตามอย่างต่อเนื่อง ส่วนเรื่องเงินทุนไหลออกนั้น ธปท.ก็ติดตามอย่างใกล้ชิดเช่นเดียวกัน แต่ยังไม่มีสถานการณ์ที่น่ากังวล 

ส่วนกรณีกรอบเงินเฟ้อหลุดกรอบมานั้น กระทรวงการคลัง และ ธปท.ก็มีการหารือร่วมกันแล้ว และ ธปท.ก็ติดตามตลอดเวลา ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้มีแนวทางปรับกรอบใหม่ แต่หากมีความจำเป็น ธปท.ก็จะออกมาตรการมาดูแล