ตลาดหุ้นเดือนตุลา

ตลาดหุ้น
คอลัมน์ : เช็กกระแสหุ้น

ตลาดหุ้นสัปดาห์ที่ผ่านมา (26-30 ก.ย.) เป็นช่วงส่งท้ายไตรมาส 3 ของปี 2565 ดัชนีมีหลุดต่ำกว่า 1,600 จุด

“สรพล วีระเมธีกุล” ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. กสิกรไทย กล่าวว่า ส่วนใหญ่ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลงมา 4-5% ปัจจัยกดดันหลัก คือ dollar index และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (บอนด์ยีลด์) ที่ดีดตัวขึ้น

ประกอบกับราคาน้ำมันดิบที่อ่อนตัวลงจากความกังวลภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่สูงขึ้น ท่ามกลางภาวะที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังเดินหน้าเร่งขึ้นดอกเบี้ยอยู่ ภาพเหล่านี้จึงทำให้สินทรัพย์เสี่ยง ทั้งดัชนี NASDAQ ราคาบิตคอยน์ และตลาดหุ้นอื่น ๆ ร่วงลงมากันหมด ส่งผลให้ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน ตลาดหุ้นโลกปรับตัวลงแล้วราว 25%

               

มองไปในสัปดาห์ข้างหน้านี้ (3-7 ต.ค.) “สรพล” ชี้ว่า สัปดาห์นี้ไม่มีปัจจัยสำคัญ เพราะเป็นช่วงการพรีวิวผลประกอบการไตรมาส 3 ของกลุ่มธนาคารและพลังงาน ซึ่งต้องมอนิเตอร์ใกล้ชิด เพราะกลุ่มโรงกลั่นและปิโตรเคมี คาดการณ์ว่ากำไรอาจจะอ่อนแรงอย่างน่ากังวล

โดยปัจจัยที่ต้องติดตามจะเป็นช่วงกลางเดือน ต.ค. ได้แก่ 1.รายงานเงินเฟ้อสหรัฐเดือน ก.ย. วันที่ 13 ต.ค. และ 2.การเตรียมประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีน ครั้งที่ 20 วันที่ 16 ต.ค. ซึ่งสองประเด็นนี้จะเป็น key indicator หลักในการกำหนดทิศทางตลาดในเดือน ต.ค.นี้

ทั้งนี้ ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวดัชนี SET บริเวณแนวรับที่ 1,585 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,616 จุด โดยต้องติดตามตัวเลขเงินเฟ้อ ถ้ามีการชะลอตัวลงจริง โดยเฉพาะในฝั่งของอสังหาริมทรัพย์ที่เห็นการปรับตัวลง เมื่อเทียบเดือนก่อนหน้า เชื่อว่าตลาดหุ้นอาจจะเริ่มรีบาวนด์ได้บ้าง

สำหรับกลยุทธ์ลงทุน ตอนนี้ยังไม่แนะนำให้เพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้น แต่ก็ยังไม่แนะนำให้ตัดขาดทุน (cut loss) เพราะตลาดหุ้นทั่วโลกที่ปรับตัวลงมาตอนนี้เป็นภาวะการขายชอร์ต (short sell) เป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นหากเริ่มเห็นการอ่อนแรงของบอนด์ยีลด์ และ dollar index คาดว่าตลาดหุ้นอาจจะเริ่มสะท้อนภาพ bottom-out และสัญญาณเงินเฟ้อที่ปรับตัวลงมาได้ มองว่าน่าทยอยสะสม

โดยมอง 3 กลุ่มทยอยลงทุนคือ 1.หุ้นก่อสร้าง แนะนำ CK 2.หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน แนะนำ SCGP และ 3.หุ้นโรงไฟฟ้า แนะนำ GULF