ส่องหุ้นกู้ 7 บริษัท “ผิดนัดชำระหนี้” มูลค่ารวม 1.37 หมื่นล้าน

หุ้นกู้

ส่องหุ้นกู้ 7 บริษัท “ผิดนัดชำระหนี้” มูลค่ารวม 13,767 ล้านบาท มีบริษัทไหนบ้าง?

วันที่ 10 ตุลาคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานข้อมูลบนเว็บไซต์สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) เกี่ยวกับหุ้นกู้ที่มีการผิดนัดชำระหนี้ (Default Payment) ว่า

จนถึงวันที่ 10 ต.ค. 65 มีอยู่ทั้งหมด 7 บริษัท จำนวน 16 รุ่น มูลค่า 13,767.3 ล้านบาท ประกอบด้วย

1.บริษัท เอเพ็กซ์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) มีปริมาณยอดออกหุ้นกู้รวม 800 ล้านบาท มีมูลหนี้คงค้าง 765 ล้านบาท โดยได้ผิดนัดชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้ APEX202A เมื่อวันที่ 30 พ.ค. 65 เป็นเหตุให้หุ้นกู้ถึงกำหนดชำระโดยพลัน และทางผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ได้มีหนังสือบอกกล่าวบังคับจำนองหลักประกันของบริษัท ซึ่งได้ครบกำหนดเมื่อวันที่ 19 ส.ค. 65 ปัจจุบันบริษัทยังไม่สามารถชำระค่าไถ่ถอนหุ้นกู้ พร้อมดอกเบี้ยที่ค้างชำระ

ต่อมาเมื่อวันที่ 25 ส.ค. 65 บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ได้มอบหมายทนายความฟ้องร้องบริษัท (ผู้ออกหุ้นกู้และผู้จำนอง) ในฐานผิดสัญญา หุ้นกู้ จำนอง เพื่อใช้สิทธิเรียกร้องและบังคับจำนอง เพื่อให้ได้เงินมาชำระหนี้ค่าไถ่ถอนหุ้นกู้ให้กับผู้ถือหุ้นกู้ทุกราย โดยได้ยื่นฟ้องเป็นคดี ต่อศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ตามประทับรับฟ้องเป็นคดีแพ่งหมายเลขคดีดำที่ พE515/2565 ซึ่งศาลได้นัดชี้สองสถานเพื่อกำหนดประเด็นข้อพิพาทในวันที่ 31 ต.ค. 65 เวลา 13.00 น.

ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการจัดหาเงินจากแหล่งเงินกู้ภายในประเทศ และภายนอกประเทศ เพื่อนำมาชำระหนี้หุ้นกู้ พร้อมดอกเบี้ยทั้งหมดที่ค้างชำระ ซึ่งบริษัทคาดว่าจะสามารถตกลงเรื่องเงินกู้ Refinance นี้กับผู้ให้กู้ และบริษัทจะประสานงานความคืบหน้ากับทางตัวแทนผู้ถือหุ้นกู้ต่อไป

2.บริษัท แอดวานซ์ เพาวเวอร์ คอนเวอร์ชั่น จำกัด มีปริมาณยอดออกหุ้นกู้รวม 160 ล้านบาท มีมูลหนี้คงค้าง 128 ล้านบาท โดยในฐานะผู้ออกหุ้นกู้ครั้งที่ 1/2561 (APCON20NA) ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2565 ได้ชำระดอกเบี้ยงวดครบกำหนด ณ วันที่ 9 พ.ค. 65 และดอกเบี้ยงวดครบกำหนด ณ วันที่ 9 ส.ค. 65 เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 19 ส.ค. 65 ส่วนเงินต้นหุ้นกู้ APCON20NA จำนวน 128 ล้านบาท บริษัทมีกำหนดไถ่ถอนในวันที่ 9 พ.ย. 65

3.บริษัท เอเชีย แคปปิตอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) มีปริมาณยอดออกหุ้นกู้รวม 2,675.3 ล้านบาท มีมูลหนี้คงค้างเต็มจำนวน โดยรายงานความคืบหน้าของการเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลาง ได้มีการเลื่อนนัดไต่สวนจากเดิมวันที่ 19 ม.ค. 65 เป็นวันที่ 8 ก.ค. 65 โดยเป็นการนัดต่อเนื่องรวม 18 นัด วันสุดท้ายของการไต่สวนคือวันที่ 4 ส.ค. 65 บริษัทได้มีการประชุมหารือแนวทางการชำระหนี้หุ้นกู้ผ่านตัวแทนผู้ถือหุ้นกู้ 4 ครั้ง และจัดประชุมร่วมกับผู้ถือหุ้นกู้ทุกรุ่น 1 ครั้ง

ผลของการหารือแนวทางการชำระหนี้มีความคืบหน้าไปได้ระดับหนึ่ง ทั้งนี้ ยังมีเงื่อนไขการชำระหนี้บางประเด็นยังอยู่ในระหว่างการหารือ ซึ่งทางบริษัทได้รับในหลักการของข้อเสนอในที่ประชุมเพื่อไปตกลงเจรจาในรายละเอียดระหว่างขั้นตอนของการทำแผนฟื้นฟูต่อไป

โดยปัจจุบันบริษัท เอเชีย แคปปิตอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) มีหุ้นกู้ผิดนัดชำระหนี้รวมทั้งมด 7 รุ่น ประกอบด้วย 1.ACAP202A 2.ACAP207A 3.ACAP209A 4.ACAP19OA 5.ACAP2NA 6.ACAP212A และ 7.ACAP213A

4.บริษัท เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ จำกัด (มหาชน) มีปริมาณยอดออกหุ้นกู้ 2 รุ่น และตั๋วแลกเงิน 2 รุ่น รวมวงเงิน 5,750 ล้านบาท มีมูลหนี้คงค้างเต็มจำนวน ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2560-2562

5.บริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) มีปริมาณยอดออกหุ้นกู้รวม 3,000 ล้านบาท มีมูลหนี้คงค้างเต็มจำนวน

6.บริษัท เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) มีปริมาณยอดออกหุ้นกู้รวม 1,219 ล้านบาท มีมูลหนี้คงค้างเต็มจำนวน โดยเมื่อวันที่ 17 ส.ค. 65 เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้มีการจัดประชุมเจ้าหนี้ของบริษัทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และที่ประชุมเจ้าหนี้ได้มีมติอนุมัติแผนฟื้นฟูกิจการของบริษัท ตามมาตรา 90/46 และมาตรา 90/48 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 (และที่แก้ไขเพิ่มเติม)

7.บริษัท ริช เอเชีย สตีล จำกัด (มหาชน) มีปริมาณยอดออกหุ้นกู้รวม 230 ล้านบาท มีมูลหนี้คงค้างเต็มจำนวน โดยหุ้นกู้ของบริษัท ริช เอเชีย สตีล จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 3/2558 (RICH17OA) ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2560

ด้านนางสาวอริยา ติรณะประกิจ รองกรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) เปิดเผยว่า แม้ความกังวลในช่วงเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวกลับ หรือมีแนวโน้มจะแย่จากภาวะเศรษฐกิจสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอย (Recession) จึงห่วงว่า

บริษัทต่าง ๆ อาจจะเห็นการผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้เพิ่มขึ้น แต่ทางสมาคมเห็นบริษัทผู้ออกหุ้นกู้ของไทยจะใช้วิธีการไปพูดคุยกับทางเจ้าหนี้ผู้ถือหุ้นกู้ เพื่อขอเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ เช่น ยืดชำระหนี้หุ้นกู้ออกไป ทั้งโดยที่มีการขอจ่ายดอกเบี้ยเพิ่ม หรือไม่จ่ายดอกเบี้ยเพิ่มก็ตาม

โดยทางสมาคมจะขึ้นเครื่องหมายหุ้นกู้ลักษณะนี้ว่า Restructure : RS แต่การจะขึ้นเครื่องหมายได้จะต้องขอมติอนุมัติไม่ต่ำกว่า 3 ใน 4 จากผู้ถือหุ้นกู้ก่อน และผู้ถือหุ้นกู้เองจะต้องพิจารณาว่าบริษัทอาจจะไม่ได้มีเจตนาเบี้ยวหนี้ แต่ด้วยผลกระทบโควิด-19 ที่กระทบกระแสเงินสดของกิจการไม่เหมือนเดิม ซึ่งที่ผ่านมาก็เห็นหลายบริษัทที่ยืดชำระหนี้ออกไปก็กลับมาจ่ายคืนได้หมด จึงเป็นส่วนหนึ่งที่ไม่ค่อยเห็นการผิดนัดชำระหนี้ที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน

ส่วนหุ้นกู้ที่มีผิดนัดชำระหนี้จริง ทางสมาคมจะขึ้นเครื่องหมายหุ้นกู้ลักษณะนี้ว่า Default Payment : DP ซึ่งเป็นหุ้นกู้ที่มีปัญหาจริง ๆ ในเรื่องของการบริหารกิจการ

หมายเหตุ – Default Payment คือ 1.ผู้ออกตราสารหนี้ไม่สามารถชำระเงินต้นหรือดอกเบี้ย ซึ่งถือเป็นเหตุผิดนัดตามข้อกำหนดสิทธิ 2.ผู้ออกตราสารหนี้ไม่สามารถชำระเงินต้นหรือดอกเบี้ย เนื่องจากอยู่ในสภาวะพักการชำระหนี้ (Automatic stay) และ 3.สมาคมได้รับแจ้งจากผู้ออกตราสารหนี้ หรือผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ว่ามีเหตุผิดนัดตามข้อกำหนดสิทธิเกิดขึ้น ซึ่งรวมถึงเหตุผิดนัดเนื่องจาก Cross default

ข้อมูลจาก อ้างอิงข้อมูลจาก https://www.thaibma.or.th/EN/BondInfo/EventSignBond/EventSignBondDetail.aspx