ส่องรายได้-กำไร เบทาโกร ก่อนหุ้น BTG เข้าเทรดพรุ่งนี้ 2 พ.ย.

ผลิตภัณฑ์ Betagro เบทาโกร

ส่อง “รายได้-กำไร” เบทาโกร 6 เดือนแรกปี’65 ก่อนหุ้น BTG เข้าเทรดวันแรกพรุ่งนี้ (2 พ.ย.) ด้วยราคาไอพีโอ 40 บาท มูลค่าหลักทรัพย์ 77,392 ล้านบาท

วันที่ 1 พฤศจิกายน 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานงบการเงินสิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย. 2565 ของบริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น BTG ที่จะเข้าจดทะเบียนซื้อขายเป็นวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ในวันพรุ่งนี้ (2 พ.ย. 65) โดยภาพรวมธุรกิจมีรายได้รวม 54,193 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.1% เทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน มีกำไรขั้นต้น 10,015 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49.9% เทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน มีกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายตามกลุ่มธุรกิจของทุกกลุ่มธุรกิจ 6,166 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 88.2% เทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน ส่งผลให้มีกำไรสุทธิ 3892 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 233% เทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน

โดยการเติบโตของรายได้เป็นผลมาจากการเติบโตของรายได้จากการขายสินค้าและการให้บริการของทุกกลุ่มธุรกิจ (ยกเว้นกลุ่มธุรกจิอื่น) ได้แก่ 1.กลุ่มธุรกิจเกษตร โดยหลักเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของราคาขายสินค้าตามการเพิ่มขึ้นของต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์ 2.กลุ่มธุรกิจอาหารและโปรตีน โดยหลักเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของราคาขายผลิตภัณฑ์หมู ไก่ ไข่ไก่ อาหารแปรรูป และเนื้อสัตว์แปรรูป ซึ่งเพิ่มขึ้นตามราคาตลาด ทั้งในประเทศและในตลาดส่งออก รวมถึงการเพิ่มขึ้นของปริมาณการขาย

3.กลุ่มธุรกิจต่างประเทศ โดยหลักเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของราคาขายอาหารสัตว์ตามการเพิ่มขึ้นของต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์และราคาขายสัตว์ที่มีชีวิต ในประเทศกัมพูชาและประเทศลาว ซึ่งเพิ่มขึ้นตามราคาตลาด

4.กลุ่มธุรกิจสัตว์เลี้ยง โดยหลักเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของปริมาณการขายและราคาขายอาหารสัตว์เลี้ยง ซึ่งสอดคล้องกับการเพิ่มขึ้นของปริมาณการผลิตและการเพิ่มขึ้นของสัดส่วนรายได้จากการขายผลิตภัณฑ์ที่มีราคาขายสูงกว่า ซึ่งสอดคล้องกับกลยุทธ์ของบริษัท ซึ่งเปลี่ยนไปมุ่งเน้นธุรกิจที่มีอัตรากําไรสูง ซึ่งรวมถึงกลุ่มธุรกิจสัตว์เลี้ยงมากยิ่งขึ้น

โดยสิ้นสุด 30 มิ.ย. 65 มีสินทรัพย์รวม 58,149 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.2% เทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน ประกอบด้วย ลูกหนี้การค้า, สินค้าคงเหลือ, สินทรัพย์ชีวภาพ, ที่ดิน, อาคารและอุปกรณ์ และสินทรัพย์สิทธิการใช้ มีหนี้สินรวม 39,390 ล้านบาท ลดลง 6.1% เทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน ประกอบด้วย เงินเบิกเกินบัญชีธนาคารและกู้ยืมระยะสั้นจากสถาบันการเงิน, เจ้าหนี้การค้า, หนี้สินตามสัญญาเช่า และหุ้นกู้ เป็นรายการหลัก โดยมีส่วนของผู้ถือหุ้น 18,758 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.9% เทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน

ขณะที่มีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (DE) ลดลงจาก 2.70 เท่า ณ วันที่ 31 ธ.ค. 64 เป็น 2.10 เท่า ณ 30 มิ.ย. 65 โดยมีสาเหตุหลักจากการลดลงของหนี้สินรวม จากการชําระคืนเงินกู้ยืมระยะสั้นจากสถาบันการเงิน และเงินกู้ยืมระยะสั้น และการเพิ่มขึ้นของส่วนของผู้ถือหุ้น โดยมีสาเหตุหลักมาจากกําไรขาดทุนเบ็ดเสร็จรวมสําหรับงวดดงักล่าว

ด้านอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้น ลดลงจาก 1.97 เท่า ณ วันที่ 31 ธ.ค. 64 เป็น 1.44 เท่า ณ 30 มิ.ย. 65 โดยมีสาเหตุหลักจากการลดลงของหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยจากการชำระคืนเงินเบิกเกินบัญชีธนาคารและเงินกู้ยืมระยะสั้นจากสถาบันการเงินและเงินกู้ยืมระยะสั้น และการเพิม่ขึ้นของส่วนของผู้ถือหุ้น โดยมีสาเหตุหลักมาจากกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จรวมสำหรับงวดดังกล่าว

อนึ่ง BTG มีทุนจดทะเบียนชำระแล้วหลังเสนอขายหุ้น 9,674 ล้านบาท มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 5 บาท โดยเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไป 434.8 ล้านหุ้น และการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน 65.2 ล้านหุ้น กำหนดจองซื้อไปเมื่อวันที่ 10-17 ต.ค. 65 ในราคาหุ้นละ 40 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 17,392 ล้านบาท (ไม่รวมหุ้นส่วนเกิน) และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคาไอพีโอ 77,392 ล้านบาท