ฟันด์โฟลว์ไหลเข้าหุ้นไทย 10 เดือน 1.5 แสนล้าน ต่างชาติซื้อสุทธิต่อเนื่องเดือนที่ 6

ตลาดหุ้นไทย-set

ตลาดหุ้นไทย (SET Index) สิ้นเดือน ต.ค.ปิดบวกปรับเพิ่มขึ้น 1.2% จากเดือนก่อนหน้า ด้านฟันด์โฟลว์เดือน ต.ค.ไหลเข้า 7,467 ล้านบาท ส่งผลให้ 10 เดือนฟันด์โฟลว์ไหลเข้าหุ้นไทยแตะ 153,931 ล้านบาท ต่างชาติซื้อขายสูงสุดต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6

วันที่ 9 พฤศจิกายน 2565 นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า

ภาพรวมของการลงทุนทั่วโลกยังคงมีความผันผวนหลังจากการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คาดการณ์ว่าอาจมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่เร็วและแรงขึ้นหลังจากที่ตัวเลขการเติบโตของ GDP ในไตรมาส 3 สหรัฐออกมาขยายตัวค่อนข้างดี ซึ่งอาจทำให้ได้เห็นดอกเบี้ยขึ้นไปสูงสุดที่ 5% จากก่อนหน้าที่เคยมองไว้ที่ 4% ส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกยังคงผันผวน

ขณะที่ภาพของตลาดหุ้นไทยด้านกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ประเมินตัวเลขการเติบโตของ GDP ไทยยังคงโตต่อเนื่องทั้งในปี 2565 และ 2566 อยู่ที่ 2.8% และ 3.7% ตามลำดับ จากการกลับมาเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วงครึ่งหลังปี 2565 และจะยังคงฟื้นตัวต่อเนื่องในปี 2566

อีกทั้งยังคาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อจะกลับเข้าใกล้เคียงกรอบเป้าหมายนโยบายการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทยในปี 2566 จากแรงกดดันด้านอุปทานที่ค่อย ๆ ลดลงตามราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ขณะที่แรงกดดันด้านอุปสงค์มีอยู่จำกัด ส่งผลให้ภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทยยังแข็งแกร่ง

โดย ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2565 SET Index ปรับเพิ่มขึ้นไปในทิศทางเดียวกันกับดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯอื่นใน ปิดที่ 1,608.76 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 1.2% จากเดือนก่อนหน้า โดยปรับเพิ่มขึ้นไปในทิศทางเดียวกันกับดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯอื่นในภูมิภาค และเมื่อเทียบกับสิ้นปี 2564 SET Index ปรับลดลงอยู่ที่ 2.9%

ในเดือนตุลาคม 2565 มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันใน SET และ mai อยู่ที่ 64,036 ล้านบาท ลดลง 27.5% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยใน 10 เดือนแรกปี 2565 มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 80,208 ล้านบาท

โดยในเดือน ต.ค.ผู้ลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 7,467 ล้านบาท ทำให้ใน 10 เดือนแรกปี 2565 ผู้ลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิรวม 153,931 ล้านบาท โดยผู้ลงทุนต่างชาติมีสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายสูงสุดต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6

นอกจากนี้ในเดือนตุลาคม 2565 มีบริษัทเข้าจดทะเบียนใหม่ซื้อขายใน SET 1 หลักทรัพย์ ได้แก่ บมจ.พรีไซซ คอร์ปอเรชั่น (PCC) และใน mai 3 หลักทรัพย์ ได้แก่ บมจ.ทเวนตี้ โฟร์ คอน แอนด์ ซัพพลาย (24CS) บมจ.ศูนย์ห้องปฏิบัติการและวิจัยทางการแพทย์และการเกษตรแห่งเอเซีย (AMARC) บมจ.อินเตอร์เนชั่นแนล เน็ตเวิร์ค ซิสเต็ม (ITNS) โดยมูลค่าระดมทุนรวมในหุ้น IPO ของไทยปี 2565 อยู่ยังในระดับต้น ๆ ของเอเชีย

ขณะที่ Forward P/E ของตลาดหลักทรัพย์ไทย ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2565 อยู่ที่ระดับ 15.3 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 11.5 เท่า และ Historical P/E อยู่ที่ระดับ 15.2 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 10.4 เท่า และมีอัตราเงินปันผลตอบแทน ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2565 อยู่ที่ระดับ 2.83% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ 3.41%

ส่วนภาวะตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในเดือนตุลาคม 2565 ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 512,031 สัญญา ลดลง 24.4% จากเดือนก่อน ที่สำคัญจากการลดลงของ Single Stock Futures และในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2565 TFEX ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 559,866 สัญญา เพิ่มขึ้น 1.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

“เชื่อว่าตลาดหุ้นไทยยังคงแข็งแกร่งจากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวที่เริ่มกลับมามากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง และฟันด์โฟลว์ที่ไหลกลับเข้าอีกครั้งในช่วงท้าย ๆ ของเดือน ต.ค.สะท้อนว่านักลงทุนยังมีมองมุมมองเชิงบวกต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทย” นายศรพลกล่าว