สมาคมประกันวินาศภัยไทยชี้ปีนี้ประกันนาข้าวเคลมสูง ตัวเลขล่าสุดคาดต้องจ่ายสินไหมทดแทนกว่า 1.4 พันล้านบาท แจงหลายพื้นที่เสียหายเจอทั้ง “น้ำท่วม-ภัยแล้ง” โซนอีสานอ่วมสุด กรณีเลวร้ายสุดคาดอัตราเคลมแตะ 80% ระบุบริษัทประกันไทยไม่น่าห่วง เหตุส่วนใหญ่ทำประกันภัยต่อไปต่างประเทศถึง 80%
นางสาวกัลยา จุกหอม ผู้ช่วยผู้อำนวยการบริหาร สมาคมประกันวินาศภัยไทย เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า บริษัทประกันวินาศภัยคาดว่าจะดำเนินการจ่ายเคลมสินไหมในโครงการรับประกันภัยข้าวนาปี ประจำปี 2565 ทั้งสิ้น 1,437 ล้านบาท (ณ 14 พ.ย. 2565) คิดเป็นอัตราความเสียหาย (loss ratio) ในสัดส่วน 60.30% ของเบี้ยรับรวมที่ 2,383 ล้านบาท (จนถึง 4 พ.ย. 2565 อนุมัติจ่ายเคลมไปแล้ว 42.83 ล้านบาท)
- เปิด 10 อันดับที่ดินต่างจังหวัด แพงสุดในประเทศไทย
- สถิติหวย ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 16 พ.ค. ย้อนหลัง 10 ปี
- เปิด 10 อันดับทำเลที่ดินกรุงเทพฯ และปริมณฑล แพงสุด-ถูกสุด
ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลจากภัยน้ำท่วมและภัยแล้ง โดยปีนี้เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ปลูกข้าวค่อนข้างมาก โดยเฉพาะโซนพื้นที่ภาคอีสาน อาทิ อุบลราชธานี, สุรินทร์, ศรีสะเกษ เป็นต้น
ทั้งนี้ ปีนี้มีพื้นที่รับประกันข้าวนาปีทั่วประเทศ 26.84 ล้านไร่ คิดเป็น 45.78% จากพื้นที่เพาะปลูกรวม 58.64 ล้านไร่ แยกเป็น พอร์ตลูกค้าสินเชื่อธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) 26.49 ล้านไร่ คิดเป็นเบี้ยรับที่ 2,319 ล้านบาท ดำเนินการจ่ายเคลมสินไหมส่วนนี้ไปแล้ว 1,245 ล้านบาท
ที่เหลือเป็นพอร์ตลูกค้าสมัครใจซื้อเองในส่วนการรับประกันภัยพื้นฐาน (tier 1) 2.67 แสนไร่ และการรับประกันภัยโดยภาคสมัครใจของเกษตรกร (tier 2) อีก 8.7 หมื่นไร่ ซึ่งสองส่วนนี้คิดเป็นเบี้ยรับ 63.3 ล้านบาท จ่ายเคลมไปแล้ว 191.37 ล้านบาท
“ปีนี้ลูกค้าท็อปอัพซื้อประกัน tier 2 น้อยลง เนื่องจากไม่อยากจ่ายเบี้ยเอง เพราะส่วนใหญ่เป็นพื้นที่สีแดง ต้องจ่ายเบี้ยประกันแพง”
นางสาวกัลยากล่าวว่า หากนับตั้งแต่ปี 2554 จนถึงปัจจุบัน รวมทั้งสิ้น 11 ปี บริษัทประกันดำเนินการจ่ายเคลมสินไหมในโครงการรับประกันภัยข้าวนาปีไปแล้ว 14,293 ล้านบาท คิดเป็นอัตราความเสียหาย 77.21% ของเบี้ยรับ 18,513 ล้านบาท
โดยขาดทุน 4 ปีด้วยกัน ประกอบด้วย ปี 2554 ที่มีอัตราความเสียหาย 598.40%, ปี 2555 อัตราความเสียหาย 294.60%, ปี 2560 มีอัตราความเสียหาย 103.60% และปี 2562 อัตราความเสียหาย 222.70%
ส่วนปี 2565 คาดการณ์ อัตราความเสียหายในกรณีเลวร้ายที่สุด น่าจะประมาณ 80% ของเบี้ยรวม (กรณีพื้นที่ปลูกข้าวโซนภาคใต้ไม่เกิดความเสียหายหนัก ซึ่งปัจจุบันยังอยู่ในช่วงเปิดขายประกันไปจนถึงวันที่ 31 ธ.ค.นี้)
“การรับประกันข้าวนาปีปีนี้ แทบจะไม่มีกำไร เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายหนี้สินส่วนอื่นอยู่ด้วย แต่อย่างไรก็ดี บริษัทประกันในประเทศคงไม่ได้กระทบอะไรมาก เพราะรับประกันไว้เองแค่สัดส่วน 20% และส่งประกันภัยต่อสูงถึง 80% แต่หากดูวัฏจักรยอดเคลม จากสถิติในอดีตแล้ว ถือว่าช่วงปีนี้เคลมเริ่มกลับมาสูงจากช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ที่เคลมต่ำ”
นางสาวกัลยากล่าวอีกว่า ปีนี้เป็นปีแรกที่บริษัทประกันค่อนข้างเข้มงวดในการเลือกบริษัทประกันภัยต่อ (รีอินชัวเรอร์) เข้ามารับงานโครงการประกันภัยข้าวนาปี โดยได้ตัดสิทธิรีอินชัวเรอร์ไป 1 ราย หลังจากพบว่า ถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ (credit rating) ลง เนื่องจากมีปัญหาภายใน และมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นรายใหญ่
“ปีนี้การทำงานถือว่าเราจ่ายเคลมเร็วขึ้น ภายใน 7 วัน โดยรีอินชัวเรอร์จะโอนเงินจ่ายเคลมตรงมาที่สมาคมประกันวินาศภัยไทยเลย จากแต่ก่อนโอนเงินจ่ายเคลมไปให้บริษัทประกัน เบี้ยประกันก็เช่นเดียวกัน เราก็จ่ายตรงให้กับรีอินชัวเรอร์เลย ทำให้ช่วยลดปัญหาเงินไปกระจุกตัวที่บริษัทประกัน หรือรีอินชัวเรอร์ส่งเงินเคลมมาช้า จึงไม่กังวลการจ่ายเงินหากเกิดเคลมสินไหม” นางสาวกัลยากล่าว