สินมั่นคง แย้มแผนฟื้นฟูกิจการ แฮร์คัตหนี้-เจรจานักลงทุน 4 ราย เพิ่มทุน

สินมั่นคง

สินมั่นคงประกันภัยเผยแผนฟื้นฟูจะมี “แฮร์คัตหนี้จ่ายไม่เต็มทุนประกัน-ยืดผ่อนหนี้-แปลงหนี้เป็นทุน” ยันบริษัทไม่มีความสามารถจ่ายเต็ม ลุ้นผู้ร่วมทุนใหม่เคาะวงเงินที่จ่ายได้ เปิดชื่อนักลงทุน 4 รายสนใจเพิ่มทุน เผย “กรุงเทพประกันภัย” สนใจด้วย ระบุมีต่างชาติ-ไทยอย่างละ 2 ราย ขณะที่ความคืบหน้าแผนฟื้นฟูกิจการ คาดตั้งผู้ทำแผนเรียบร้อยก่อนสิ้นปีนี้ จ่ายเงินไม่เต็มทุนประกัน-ยืดผ่อนหนี้-แปลงหนี้เป็นทุน

นายสุริยนต์ เจริญเศรษฐกุล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ SMK เปิดเผยว่า จากปัญหาหนี้สินไหมประกันภัยโควิด-19 จำนวนกว่า 30,000 ล้านบาท ความคืบหน้าล่าสุดมีนักลงทุนให้ความสนใจเพิ่มทุนทั้งสิ้น 4 ราย ได้แก่

นักลงทุนต่างชาติ 2 ราย และนักลงทุนไทยอีก 2 ราย คือ 1.บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) 2.บริษัท พรีฟอร์มม่า จำกัด ซึ่งนักลงทุนรายใหม่ทั้ง 4 รายรอการเจรจากับบริษัทอยู่ ภายหลังที่มีความชัดเจนในการปรับโครงสร้างหนี้สินไหมโควิด

โดยนักลงทุนต่างชาติได้ทำ Due Diligence หรือการตรวจสอบวิเคราะห์กิจการเพื่อประเมินมูลค่าก่อนเข้าเพิ่มทุนไปแล้ว แต่เนื่องจากสถานการณ์มีความเปลี่ยนแปลงไประดับหนึ่ง จึงอาจต้องเข้ามาสอบทานข้อมูลกับบริษัทเพิ่มเติมอีกครั้ง

ส่วนนักลงทุนไทยอยู่ระหว่างการจะให้ข้อมูลผ่านทางที่ปรึกษาทางการเงินของบริษัทอีกครั้ง เพื่อให้กระบวนการจัดหานักลงทุนเป็นไปโดยอย่างมีระบบและโปร่งใส ในการเลือกนักลงทุนรายที่จะเสนอราคาที่ดีที่สุดและมีเงื่อนไขที่ดีที่สุดให้กับทางบริษัท

“เราอยากได้เงินเพิ่มทุนจำนวนมากที่สุด เพื่อส่งผลให้เราสามารถชำระหนี้ให้กับเจ้าหนี้สินไหมโควิดได้จำนวนมากขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเป็นเรื่องการตัดสินใจของนักลงทุนจากการประเมินมูลค่ากิจการเพื่อความคุ้มค่า และเราจะพยายามทำหน้าที่อย่างเต็มที่ในการให้ได้มูลค่าให้มากที่สุด ฉะนั้นคงมีตัวเลขหนึ่ง ๆ ที่จะเจรจาและจบลงได้จากทั้งสองฝ่าย”

ตาราง แผนฟื้นฟูสินมั่นคง

เบื้องต้นบริษัทคาดว่าจะบรรจุรายชื่อผู้เพิ่มทุนเข้าไปในแผนฟื้นฟูกิจการตามกรอบการส่งแผนฟื้นฟูกิจการภายในวันที่ 20 พ.ค. 2566 แต่คงขึ้นอยู่กับนักลงทุนด้วยว่าจะเจรจาจบหรือไม่ และได้ตัวเลขวงเงินที่เหมาะสมหรือไม่ ในการจ่ายคืนเจ้าหนี้

“ในส่วนแผนฟื้นฟูกิจการ บริษัทจะดำเนินการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการชำระหนี้สินไหมโควิด เช่น ทุนประกันภัย 1 แสนบาท จะปรับลดวงเงินการจ่ายไม่เต็มทุนประกัน เพราะตัวบริษัทคงไม่มีความสามารถจ่ายได้เต็มทุนประกัน

ซึ่งจำนวนที่จะจ่ายได้นั้นขณะนี้อยู่ระหว่างให้นักลงทุนเสนอราคาเพื่อนำเงินที่นักลงทุนจะใส่เข้ามาในบริษัทไปจ่ายชำระให้กับเจ้าหนี้ รวมถึงอาจจะขยายระยะเวลาผ่อนชำระหนี้ หรือส่วนหนึ่งจะมีการแปลงหนี้เป็นทุนเพื่อให้เจ้าหนี้ได้รับสิทธิจากเงินปันผลเพิ่มเติม”

นายสุริยนต์กล่าวว่า สำหรับไทม์ไลน์แผนฟื้นฟูกิจการ หลังจากศาลมีคำสั่งให้บริษัทฟื้นฟูกิจการเมื่อวันที่ 20 ต.ค. 2565 และตั้งสินมั่นคงประกันภัยเป็นผู้ทำแผน หลังจากนี้ในวันที่ 20 ธ.ค. 65 จะมีการประกาศคำสั่งตั้งผู้ทำแผนในราชกิจจานุเบกษา

และภายใน 1 เดือนหลังจากนั้น เจ้าหนี้ต้องยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ให้แล้วเสร็จก่อน 16.30 น. ของวันที่ 20 ม.ค. 2566 และภายใน 14 วันหลังจากนั้น สินมั่นคงประกันภัยและเจ้าหนี้สามารถตรวจสอบและมีสิทธิคัดค้านขอรับชำระหนี้ได้ กำหนดวันสุดท้ายคือวันที่ 3 ก.พ. 2566

ถัดมาเป็นกำหนดการส่งแผนภายใน 3 เดือนนับจากวันประกาศในราชกิจจาฯ นั่นคือวันที่ 20 มี.ค. 2566 ที่จะต้องยื่นเสนอแผนฟื้นฟูกิจการต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ อย่างไรก็ตาม กฎหมายให้สามารถขยายระยะเวลาได้ 2 ครั้ง ครั้งละไม่เกิน 1 เดือน จะไปสิ้นสุดในการส่งแผนวันที่ 20 พ.ค. 2566

“หลังจากส่งแผนไปแล้ว ทางเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะมีการจัดประชุมเจ้าหนี้เพื่อพิจารณาแผน ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงเดือน มิ.ย.-ก.ค. 2566 และหลังจากนั้นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทำรายงานเสนอต่อศาลในผลการลงมติ เพื่อให้ศาลมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนฟื้นฟูกิจการ ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงเดือน ส.ค. 2566

อย่างไรก็ตาม กระบวนการเหล่านี้มีโอกาสขยายออกไปได้ เช่น อาจจะมีเจ้าหนี้บางส่วนคัดค้านแผนก็เป็นไปได้ เพราะศาลจะต้องไต่สวนเพื่อให้เกิดความกระจ่างก่อนมีคำตัดสิน หากเห็นชอบแผนแล้ว ก็จะเป็นบทบาทของผู้บริหารแผนที่ต้องดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการที่กำหนดไว้”