
บล.ฟิลลิป มอง “ธนาคารกรุงศรีฯ” ซื้อแพง 1.77 หมื่นล้านบาท “ธุรกิจอินโดนีเซีย-ฟิลิปปินส์” ชี้ยังไม่มีผลต่อกำไรมาก รับส่วนแบ่งกำไรปี’64 แค่ 782 ล้านบาท กำไรต่อหุ้นเพียง 0.11 บาท แต่เป็นเซนติเมนต์เชิงบวก แนวโน้มโตช่วยส่งเสริมกำไร แนะนำ “ซื้อ”
วันที่ 24 พฤศจิกายน 2565 นายอดิสรณ์ มุ่งพาลชล ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า กรณีธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) เข้าซื้อหุ้น 75% ของ PT. Home Credit Indonesia ซึ่งทำธุรกิจให้บริการสินเชื่อผู้บริโภคแก่ผู้บริโภคในกลุ่ม mass market และ upper mass market มูลค่าการลงทุน 6,600 ล้านบาท
- ประกาศใหม่ ผลประโยชน์ตอบแทนบำเหน็จชราภาพ ผู้ประกันตน ม.33,39
- ทำความรู้จักบัตรวิสดอมกสิกรไทย ต้องรวยแค่ไหนถึงถือบัตรได้
- เปิดวิธีลงทะเบียน เลือกตั้งล่วงหน้า 2566 มีขั้นตอนอย่างไร ?
และเข้าซื้อหุ้น 75% HC Consumer Finance Philippines, Inc. ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้เล่นสำคัญในตลาดสินเชื่อผู้บริโภคในประเทศฟิลิปปินส์ รวมถึงการเข้าซื้อหุ้น 100% ใน HCPH Financing 1, Inc. และ HCPH Insurance Brokerage, Inc. โดยมีมูลค่าการลงทุนประมาณ 11,100 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่าการลงทุนรวมประมาณ 17,700 ล้านบาท
มองว่าราคาซื้อค่อนข้างแพง โดยหากคำนวณจากส่วนของผู้ถือหุ้น และกำไรของกิจการในอินโดนีเซียในปี 2564 กิจการในอินโดนีเซียจะซื้อที่ราคาต่อกำไร (P/E) ประมาณ 22.2 เท่า และราคาต่อมูลค่าทางบัญชี (P/BV) ประมาณ 3 เท่า ส่วนกิจการในฟิลิปปินส์จะซื้อที่ P/E ประมาณ 22.9 เท่า และ P/BV ที่ 2.7 เท่า
มองว่ายังไม่มีผลกับกำไรมากนัก เนื่องจากเมื่อคำนวณจากกำไรของทั้ง 2 ประเทศในปี 2564 ที่ BAY เข้าซื้อกิจการ BAY จะได้รับส่วนแบ่งกำไรประมาณ 782 ล้านบาท หรือคิดเป็นกำไรต่อหุ้นเพียง 0.11 บาท ซึ่งมองว่าไม่มีผลกับราคาพื้นฐาน 39.50 บาท อย่างไรก็ตามมองว่าเป็นเซนติเมนต์เชิงบวก และมีแนวโน้มเติบโต ซึ่งจะช่วยส่งเสริมกำไรของ BAY ในอนาคตได้ จึงแนะนำ “ซื้อ”