ซื้อ “กองทุน-ประกัน” ลดหย่อนภาษี ทำไมต้องปลายปี ช่วงนี้มีอะไรน่าสนใจบ้าง

ลดหย่อนภาษี

ช่วงก่อนสิ้นปี เป็นช่วงที่ถูกเรียกว่า “เทศกาลลดหย่อนภาษี” เนื่องจากใกล้จะจบปีแล้ว จึงเป็นโค้งสุดท้ายที่นักลงทุนที่เป็นผู้เสียภาษีจะเลือกช็อปผลิตภัณฑ์ทางการเงิน ที่สามารถนำไปใช้ลดหย่อนภาษีได้ ไม่ว่าจะเป็นกองทุน หรือประกัน ขณะที่การยื่นเสียภาษีของรอบปี 2565 จะไปยื่นแบบแสดงรายการชำระภาษีในช่วงเดือน ม.ค.-มี.ค. 2566

“ทิสโก้” แนะวิธีวางแผนภาษีปลายปี

“ณัฐกฤติ เหล่าทวีทรัพย์” ผู้อำนวยการอาวุโสที่ปรึกษาการลงทุนทิสโก้เวลธ์ ธนาคารทิสโก้ กล่าวว่า ในเดือนธันวาคมของทุกปี เป็นช่วงที่คนไทยให้ความสนใจต่อการซื้อกองทุนและประกัน เพื่อใช้ประโยชน์ในด้านการลดหย่อนภาษี

อย่างไรก็ตาม เพื่อให้การวางแผนเกษียณในระยะยาวมีศักยภาพยิ่งขึ้น ธนาคารทิสโก้ จึงแนะนำว่าควรจะหันมาให้ความสำคัญในด้านการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ลดหย่อนภาษี ภายใต้คอนเซ็ปต์ Megatrends Retirement Planning ซึ่งเป็นการวางแผนการเกษียณรูปแบบใหม่ ที่จะช่วยทำให้การวางแผนการเงินเท่าทันกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลก เพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนในระดับสูง รวมถึงช่วยในเรื่องการปิดความเสี่ยงของวัยเกษียณได้ดีขึ้น จากเดิมที่เป็นการเน้นวางแผนสำหรับลดหย่อนภาษีรายปี

ชูแผนลดหย่อนภาษีแบบใหม่

สำหรับในปี 2565 ธนาคารทิสโก้แนะนำให้ลงทุนลดหย่อนภาษีผ่านกองทุนคุณภาพที่เน้นธุรกิจแห่งอนาคต (Megatrends Investment) และปกป้องความเสี่ยงหลังเกษียณที่สอดรับกับกระแสโลก (Megatrends Protection) ด้วยประกันบำนาญที่มุ่งสร้างผลประโยชน์สูงสุดในขณะดำรงชีวิต (Living Benefit) ประกันสุขภาพแบบเหมาจ่าย และประกันโรคร้ายแรงที่มีทุนประกันสูง

โดยแบ่งเป็น 3 ส่วนดังนี้

1.”การวางแผนการลงทุน” ที่มีเป้าหมายเพื่อสร้างความมั่งคั่งและสร้างเงินก้อนก่อนเกษียณ ผ่านกองทุนลดหย่อนภาษี กองทุนเพื่อการออม (SSF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ที่นอกจากได้ประโยชน์ด้านการประหยัดภาษีแล้ว นักลงทุนสามารถออกแบบพอร์ตการลงทุนที่เน้นหุ้นในอุตสาหกรรมที่มีอัตราการเติบโตสูงในระยะยาวตาม Megatrends

เช่น หุ้นกลุ่ม Technology และ Health Care ที่เป็นสินค้าและบริการที่มีความต้องการเพิ่มอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากสังคมผู้สูงอายุและเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว โดยหุ้นกลุ่ม Technology (MSCI ACWI Information Technology) และ Health Care (MSCI ACWI Health Care) มีผลตอบแทนย้อนหลัง 10 ปี ( ณ วันที่ 31 ต.ค. 2565) เฉลี่ยปีละ 16.47% และ 11.87% ตามลำดับ มากกว่าผลตอบแทนดัชนี MSCI ACWI ที่เติบโตเพียง 8.54%

รวมไปถึงหุ้นในประเทศที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูงในระยะยาว อย่างเช่น จีน และเวียดนาม ที่ปีนี้ราคาหุ้นปรับตัวลดลงจนมูลค่าหุ้น (Valuation) ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต โดยอัตราราคาต่อกำไรล่วงหน้า (Forward P/E) ของดัชนี MSCI China และดัชนี Vietnam ปัจจุบันอยู่ที่ 10.33 เท่า และ 9.45 เท่า ตามลำดับ

ขณะที่ค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปี อยู่ที่ 10.62 เท่า และ 12.28 เท่าตามลำดับ แต่การเติบโตในระยะยาวยังถือว่าดีอยู่ โดยนักลงทุนสามารถที่จะออกแบบพอร์ตการลงทุนเพื่อการเกษียณและกระจายความเสี่ยงได้อย่างเหมาะสม ตลอดจนสามารถเพิ่มโอกาสในการได้รับผลตอบแทนที่สูงในระยะยาว การสร้างความมั่งคั่งและเงินก้อนก่อนเกษียณที่มากเพียงพอ

นอกจากนี้ SSF ยังลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 30% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี ไม่เกิน 2 แสนบาท ส่วน RMF จะลดหย่อนได้สูงสุด 30% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี ไม่เกิน 5 แสนบาท ซึ่งทั้ง 2 กองทุนนี้ เมื่อรวมกับค่าลดหย่อนการออมเพื่อเกษียณอื่น ๆ แล้วจะต้องไม่เกิน 5 แสนบาท

2.”การเพิ่มความมั่นคงรายได้ในวัยเกษียณ” จากการสร้างระบบบำนาญส่วนตัวให้กับตนเองได้ ผ่านการทำ “ประกันชีวิตแบบบำนาญ” ซึ่งเป็นประกันชีวิตที่ผู้เอาประกันจ่ายเบี้ยประกันไปในช่วงก่อนเกษียณ เพื่อที่จะได้รับเงินบำนาญที่สม่ำเสมอตลอดช่วงหลังเกษียณที่จ่ายผลประโยชน์ยาวนานถึง 99 ปี เพื่อตามอายุขัยเฉลี่ยที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น

นอกจากนี้ เราควรเลือกกรมธรรม์ที่จ่ายเงินผลประโยชน์ช่วงหลังเกษียณอายุสูง อาทิ จ่ายผลประโยชน์ให้ปีละ 24% ของทุนประกัน อีกทั้งยังต้องมีความยืดหยุ่นให้ผู้รับประโยชน์สามารถเลือกความถี่ของการรับเงินผลประโยชน์ได้ แบบรายปีหรือรายเดือน เสมือนการมีแหล่งรายได้ที่มั่นคงในยามเกษียณ

สำหรับเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ สามารถลดหย่อนภาษีได้ 15% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี ตามที่จ่ายจริง สูงสุดไม่เกิน 2 แสนบาท แต่เมื่อรวมกับสิทธิลดหย่อนเพื่อการเกษียณอายุอื่น ๆ แล้วต้องไม่เกิน 5 แสนบาท

3.”การวางแผนประกันสุขภาพและประกันคุ้มครองโรคร้ายแรง” ที่จะทำหน้าที่ในการปกป้องความมั่งคั่ง เนื่องจากค่าใช้จ่ายหลักในวัยเกษียณมักจะเป็นค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล ที่มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นมากกว่า 9% ต่อปี โดยการวางแผนซื้อประกันสุขภาพเบื้องต้นแนะนำความคุ้มครองค่ารักษาอย่างน้อย 3-5 ล้านบาท ครอบคลุมค่าห้องพักเดี่ยว มาตรฐานทั้งโรงพยาบาลรัฐและเอกชน และคุ้มครองสูงสุดถึงอายุ 99 ปี

ส่วนประกันคุ้มครองโรคร้ายแรงที่เน้นรับเงินก้อนเพื่อการเข้าถึงนวัตกรรมใหม่ที่ช่วยให้คุณภาพการรักษาพยาบาลดียิ่งขึ้นและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่ไม่สามารถเคลมกับประกันสุขภาพได้ ทั้งนี้ ควรเน้นแบบที่ให้ความคุ้มครองกลุ่มโรคร้ายแรงมากที่สุด และจ่ายผลประโยชน์สูงสุดเมื่อเราเป็นระยะเริ่มต้น และไม่มีระยะเวลารอคอยระหว่างกลุ่มโรค ทั้งนี้ประกันสุขภาพและประกันคุ้มครองโรคร้ายแรงควรเริ่มต้นทำให้เร็วที่สุดเพื่อที่จะได้หลีกเลี่ยงปัญหาต่าง ๆ ทางด้านสุขภาพที่มักจะเสื่อมสภาพไปตามอายุ

นอกจากนี้ ประกันสุขภาพและประกันคุ้มครองโรคร้ายแรงสามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุดตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 25,000 บาท และเมื่อรวมกับเบี้ยประกันชีวิตต้องไม่เกิน 1 แสนบาท

บล.เกียรตินาคินภัทร จัดโปรฯ พิเศษ

ขณะที่บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) เข้าร่วมเทศกาลลดหย่อนภาษี โดยนำเสนอบริการ EDGE ตัวช่วยด้านการลงทุนบนแอป KKP MOBILE ที่มีบริการการลงทุนครอบคลุมทั้งหุ้นไทย กองทุนรวมจาก 19 บลจ.ชั้นนำ และบริการ Intelligent Portfolio โดยผู้จัดการกองทุนมืออาชีพ มอบโปรโมชั่นพิเศษในช่วงโค้งสุดท้ายของปีให้แก่นักลงทุนถึง 3 ต่อ โดยต่อที่ 1 ลูกค้าที่เปิดบัญชี EDGE สำเร็จ รับเลยหน่วยลงทุน KKP MP มูลค่า 200 บาท

ต่อที่ 2 รับเพิ่มแบบไม่พัก เมื่อนักลงทุนซื้อกองทุน SSF หรือ RMF ครั้งแรก รับ Central e-Gift Card มูลค่า 200 บาท และต่อที่ 3 รับต่อเนื่องแบบไม่หยุด นักลงทุนรับโปรโมชั่นกองทุนลดหย่อนภาษีของ บลจ.ที่ตนเลือกลงทุน โดยกิจกรรมมอบโปรฯ พิเศษเพื่อการลดหย่อนภาษีจัดขึ้นตั้งแต่วันนี้-30 ธันวาคม 2565 เท่านั้น

โดยความพิเศษของกองทุนรวมลดหย่อนภาษีที่ EDGE นักลงทุนสามารถเปิดบัญชีลงทุนบนแอป KKP MOBILE ได้เอง โดยเลือกลงทุนกองทุนลดหย่อนภาษีมากมายจาก 19 บลจ.ชั้นนำที่คัดสรรมาแล้ว นักลงทุนจึงสามารถมั่นใจได้กับแพลตฟอร์มลงทุนที่ต่อยอดมาจากธุรกิจ Wealth Management ของ บล.เกียรตินาคินภัทร

ทั้งนี้ แพลตฟอร์ม EDGE เป็นตัวช่วยด้านการลงทุนบนแอปพลิเคชั่น KKP MOBILE มีผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ครอบคลุมทั้งหุ้นไทย กองทุนรวมจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนชั้นนำ 19 แห่ง รวมถึงมี Intelligent Portfolio ที่เป็นพอร์ตลงทุนแบบสำเร็จรูปสำหรับนักลงทุนที่ไม่มีเวลาติดตามการลงทุน

โดยแบ่งประเภทพอร์ตตามความเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นพอร์ตที่มีความเสี่ยงสูง หรือพอร์ตที่เน้นการปกป้องเงินต้น และบริหารจัดการโดยผู้จัดการกองทุนผู้เชี่ยวชาญของ บล.เกียรตินาคินภัทร ซึ่งนักลงทุนสามารถเลือกลงทุนตามความต้องการได้ครบจบในแอปพลิเคชั่นเดียว

ช็อปโปรดักต์ลดหย่อนภาษีงาน MoneyExpo ครั้งสุดท้าย

ด้านวารสารการเงินธนาคาร จัดงานมหกรรมการเงินส่งท้ายปี ครั้งที่ 5 MONEY EXPO 2022 BANGKOK YEAR-END ระหว่างวันที่ 15-18 ธันวาคม 2565 ที่ ฮอลล์ EH103-104 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา ภายในงานนอกจากจะมีกองทุน-ประกัน ลดหย่อนภาษีของสถาบันการเงินต่าง ๆ แล้ว ในวันอาทิตย์ที่ 18 ธันวาคม 2565 เวลา 11.00-12.30 น. ยังมีเสวนาหัวข้อ “เศรษฐกิจแบบนี้ เล็งโอกาสผลตอบแทนดี ๆ ต้อง SSF|RMF กองทุนไหน” วิทยากรโดยนายเกียรติศักดิ์ ปรีชาอนุสรณ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการลงทุนทางเลือกบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน)