กอบศักดิ์ กาง 3 โอกาส ปั้นไทยฮับลงทุนของภูมิภาค

กอบศักดิ์ ภูตระกูล
ภาพจากศูนย์ภาพมติชน

กอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย-รองเอ็มดีแบงก์กรุงเทพ กาง 3 โอกาส ปั้นไทยฮับลงทุนของภูมิภาค ชี้ปี 2566 เป็นปีเปิดฝ่าหลุมหลบภัยเพื่อออกมาเจอโลก ปีแห่งการลงทุน ประเทศไทยเด่นจากแรงส่งภาคท่องเที่ยวฟื้นตัวได้ในจังหวะที่ดีที่สุด จากช่วงคับขันของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก

วันที่ 25 มกราคม 2566 นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย และกรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ (BBL) กล่าวในงานสัมมนามติชน Thailand : New Episode บทบาทใหม่ประเทศไทย 2023 ในหัวข้อเรื่อง “Thailand Opportunity” ว่า ประเทศไทยได้ผ่านช่วงวิกฤต Perfect Storm ไปแล้ว 1 ใน 3 ตอนนี้กำลังอยู่ปีที่ 2 ซึ่งเป็นช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยเริ่มมาเยือน แต่จุดสำคัญคือเราได้ผ่านช่วง “หัวมรสุม” ไปมากแล้ว แต่อย่างไรก็ดี เมื่อปีที่แล้วความท้าทายอยู่ที่ตลาดทุน แต่สำหรับปีนี้ความท้าทายจะมาอยู่ที่ตลาดจริง นั่นก็คือผู้ผลิต จากความซบเซาของดีมานด์ต่าง ๆ ทั่วโลก

โดยในปี 2566 คาดการณ์ดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) จะเริ่มเข้าสู่จุดจบของคอร์ดการให้ยาได้ สะท้อนว่าภาพปีนี้จะเป็นปีที่เริ่มคลี่คลายจากเงินเฟ้อเริ่มลดลงและดอกเบี้ยชะลอการปรับขึ้นแล้ว

กอบศักดิ์ ภูตระกูล
กอบศักดิ์ ภูตระกูล

แม้ว่าตอนนี้หลายประเทศทั่วโลกจะกังวลภาวะเศรษฐกิจถดถอย และกำลังเตรียมการรับมือเรื่องนี้ แต่เชื่อว่าประเทศไทยน่าจะผ่านช่วงนี้ไปได้ จากแรงส่งของภาคท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวได้ในจังหวะที่ดีที่สุด เพราะเป็นช่วงคับขันของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก

โดยปีที่แล้วมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทยมากกว่า 2 ล้านราย และคาดการณ์การระบาดโควิดของจีนภายในเดือน มี.ค. 2566 น่าจะจบลงได้ เพราะตอนนี้ทางการจีนเลือกเดินตามแนวทางเดียวกับประเทศอินเดีย นั่นคือการให้คนจีนติดโควิดเพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน

ซึ่งขณะนี้หลายเมืองในจีนมีคนติดโควิดไปแล้วกว่า 80-90% และหลังจากนั้นคนจีนจะเดินทางท่องเที่ยวทั่วโลก โดยเฉพาะมาไทย ทำให้เราจะสามารถอ้าแขนรับได้อย่างเต็มที่ ฉะนั้น โอกาสของไทยคือปีนี้ยิ่งเรามีนักท่องเที่ยวเข้ามามากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งเป็นแรงหนุนขับเคลื่อนเศรษฐกิจในประเทศได้มาก ซึ่งจะช่วยทดแทนภาคส่งออกที่ไม่ค่อยดีได้

ดังนั้น ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องหยิบฉวยโอกาสมาเป็นของเรา โดยโอกาสที่ 1 คือโอกาสของการลงทุน เพราะปี 2566 เป็นโอกาสที่ดีที่สุด สะท้อนภาพตลาดหุ้นช่วงตลาดหมี (Bear Market) ตกแรง แต่เวลากลับไปสู่ตลาดกระทิง (Bull Market) จะพุ่งแรง ซึ่งเราไม่จำเป็นต้องรอให้วิกฤตจบ ตลาดก็สามารถรีบาวนด์ได้ ฉะนั้น ถ้าพลาดโอกาสช่วงนี้ต้องรอไปอีกหลายรอบ

“ปีนี้ถึงเวลาเปิดฝ่าหลุมหลบภัย เพื่อออกมาเจอโลก ว่าโอกาสอยู่ตรงไหน และแย้มประตูออกไปพรีวิวสินทรัพย์ต่าง ๆ ว่ากำลังปรับตัวอย่างไรบ้าง เพราะเวลาเกิดตลาดหมี เกิดเศรษฐกิจถดถอย ตลาดหุ้นจะตกประมาณ 30% แต่หลังจากนั้น 1 ปี รีเทิร์นบวกกลับอย่างน้อย 50% สะท้อนปีนี้เป็นปีแห่งการลงทุน”

โอกาสที่ 2 คือ ปั้นไทยเป็นฮับภูมิภาค เพราะตอนนี้เอเชียคือเป้าหมายของตลาดโลก โดยเฉพาะตลาดอาเซียนจะน่าสนใจที่สุด จากความเฟรนลี่และสามารถทำธุรกิจได้ผลกำไรมากที่สุด ซึ่งเป็นโอกาสที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยตอนนี้มีหลายโครงการเข้ามาขออนุมัติสินเชื่อกับธนาคารกรุงเทพ เช่นทำโรงไฟฟ้า ขยายอินฟราสตรักเจอร์ต่าง ๆ ซึ่งภายใน 5 ปีในภูมิภาคอาเซียนจะเปลี่ยนไปมาก

“เราต้องเป็นฮับภูมิภาคให้ได้เหมือนนิวยอร์ก ซึ่งตอนนี้ก็เห็นเมืองไทยกำลังมีอินฟราสตรักเจอร์สำคัญ ๆ ที่กำลังเกิดขึ้น และกำลังสร้าง CBD ใหม่ ๆ เสร็จภายใน 5 ปี พร้อมรถไฟฟ้าใต้ดิน ทำให้พื้นที่กรุงเทพรวมถึงการขยายไปสุวรรณภูมิ ทำให้เราเป็นตัวเลือกแรกในการย้ายฐานเข้ามา”

โอกาสที่ 3 คือ การก้าวออกไปสู่ภูมิภาค นอกจากเราจะเป็นฮับภูมิภาคแล้ว บริษัทของคนไทยก็เป็นโอกาสสำคัญในการย้ายฐานไปสู่ภูมิภาคด้วย ซึ่งอาจไปไกลกว่า CLMV ก็ได้ เช่น บังกลาเทศ, อินเดีย เป็นต้น

“นี่คือ Thailand Opportunity หัวใจสำคัญที่สุดคือทำโอกาสให้เป็นของเรา และถ้าทั้งหมดเราทำได้ก็จะเป็นโอกาสของเราแน่นอน” นายกอบศักดิ์กล่าว