ก.ล.ต. เตรียมประกาศเกณฑ์กำกับ Utility token พร้อมใช้ ไตรมาส 2 ปีนี้

ก.ล.ต. สินทรัพย์ดิจิทัล utility token

ก.ล.ต. เปิดรับฟังความคิดเห็นร่างประกาศเกณฑ์กำกับดูแล utility token พร้อมใช้ อีกรอบ หลังมีการปรับปรุงรายละเอียด คาดไตรมาส 2 ปีนี้เริ่มบังคับใช้

วันที่ 25 มกราคม 2566 สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ภายในไตรมาส 2 ปีนี้ ร่างประกาศเกี่ยวกับการกำกับดูแลโทเค็นดิจิทัลเพื่อการใช้ประโยชน์ที่มีลักษณะพร้อมใช้ (utility token พร้อมใช้) ในตลาดแรกและตลาดรอง จะมีผลบังคับใช้

ซึ่งล่าสุด ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นหลังจากปรับปรุงหลักการกำกับดูแล utility token พร้อมใช้ ให้แต่ละประเภท มีกลไกคุ้มครองผู้ซื้อขายที่เหมาะสม และสนับสนุนการพัฒนานวัตกรรม และเศรษฐกิจดิจิทัล

โดยได้แบ่ง utility token พร้อมใช้ ออกเป็น 2 กลุ่ม ซึ่งดูจากวัตถุประสงค์การใช้

กลุ่มที่ 1 ประกอบด้วย

Advertisment

(1) “utility token พร้อมใช้ ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อการอุปโภคบริโภค” เช่น บัตรกำนัลดิจิทัลที่ออกในรูปของโทเค็น โทเค็นที่ให้สิทธิในการแลกบัตรคอนเสิร์ต และงานศิลปะ รูปภาพ เพลง แสตมป์หรือวิดีโอในรูปแบบ non-fungible token (NFT) ซึ่งมีการให้สิทธิอย่างใดอย่างหนึ่งโดยเฉพาะเจาะจงแก่ผู้ถือ NFT

(2) “utility token พร้อมใช้ ที่ใช้แทนใบรับรอง (certificate) หรือแสดงสิทธิต่าง ๆ” เช่น ใบรับรองพลังงานทดแทน ใบกำกับภาษี และโฉนดที่ดิน

Advertisment

สำหรับ utility token พร้อมใช้ กลุ่มที่ 1 จะได้รับยกเว้นการกำกับดูแลการเสนอขายโทเค็นดิจิทัลต่อประชาชน และยกเว้นการกำกับดูแลการประกอบธุรกิจที่เกี่ยวข้อง โดยโทเค็นดังกล่าวต้องไม่มีลักษณะเป็นสื่อกลางในการชำระค่าสินค้าและบริการ (Means of Payment : MOP) ตามแนวทางที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำหนด*

และผู้ออกเสนอขายโทเค็นดิจิทัล (issuer) จะต้องไม่เปิดให้มีการฝากสินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อรับผลตอบแทน (staking) เว้นแต่เป็นการ staking เพื่อการลงคะแนนเสียง (voting) หรือเข้าร่วมกิจกรรม หรือเพื่อได้รับผลตอบแทนจากกิจกรรมใน ecosystem

นอกจากนี้ ยังห้ามไม่ให้ศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลนำ utility token กลุ่มที่ 1 มาจดทะเบียนซื้อขาย และห้ามนายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลและผู้ค้าสินทรัพย์ดิจิทัลให้บริการเกี่ยวกับ utility token ดังกล่าว

“ที่ผ่านมา กลุ่มที่ 1 มีประมาณ 12 เหรียญที่ลิสต์อยู่ในศูนย์ซื้อขาย ซึ่งสามารถให้บริการต่อไปได้ แต่เหรียญใหม่จะมาลิสต์เพิ่ม ไม่ได้แล้ว”

ส่วน กลุ่มที่ 2 ที่จะต้องมีการกำกับดูแล ประกอบด้วย utility token พร้อมใช้ ประเภทอื่นนอกจากกลุ่มที่ 1 เช่น

(1) utility token ที่ให้สิทธิในการเข้าถึงสินค้าและบริการบน Distributed Ledger Technology (DLT) รวมทั้ง Decentralized Finance (DeFi)

(2) utility token พร้อมใช้ ประจำศูนย์ซื้อขาย ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้งานบนศูนย์ซื้อขาย ในการชำระค่าธรรมเนียมเป็นส่วนลดค่าธรรมเนียม ใช้สะสมเพื่อเลื่อนระดับสมาชิกโดยในแต่ละระดับจะได้รับสิทธิประโยชน์ที่แตกต่างกัน (exchange token)

(3) utility token พร้อมใช้ ที่ให้สิทธิออกเสียงเพื่อปรับเปลี่ยนหรือตัดสินใจเกี่ยวกับการดำเนินการทางธุรกิจ (governance token)

(4) utility token พร้อมใช้ ประจำโครงการที่ให้บริการเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลในลักษณะ Centralized Finance (CeFi) เป็นต้น

สำหรับ utility token พร้อมใช้ กลุ่มที่ 2 ที่ประสงค์จะนำไปจดทะเบียนบนศูนย์ซื้อขาย ต้องได้รับอนุญาตการเสนอขายจาก ก.ล.ต. โดยผู้เสนอขายต้องยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (filing) และหนังสือชี้ชวน รวมทั้งเสนอขายผ่านผู้ให้บริการระบบเสนอขายโทเค็นดิจิทัล (ICO portal)

ทั้งนี้ โทเค็นดังกล่าวต้องไม่มีลักษณะเป็น MOP ตามแนวทางที่ ธปท. กำหนด และผู้ออกเสนอขายจะต้องไม่รับ staking เว้นแต่เป็นการ staking ในลักษณะที่กำหนด ได้แก่ การใช้เป็นกลไกยืนยันธุรกรรม หรือเพื่อการลงคะแนนเสียง หรือเข้าร่วมกิจกรรม หรือเพื่อได้รับผลตอบแทนจากกิจกรรมใน ecosystem

“กลุ่มที่ 2 เป็นกลุ่มที่ต้องมีการปรับปรุงให้สอดคล้องกับเกณฑ์ใหม่ โดยศูนย์ซื้อขาย จะต้องไปตกลงกับผู้ออกเสนอขายเพื่อแก้ไข ภายใน 60 วัน นับจากประกาศมีผลบังคับใช้”

นอกจากนี้ ยังมีการปรับปรุงหลักเกณฑ์การกำกับดูแลศูนย์ซื้อขาย เพื่อให้มีความเหมาะสม เช่น หลักเกณฑ์การคัดเลือกสินทรัพย์ดิจิทัล (listing rule) และหลักเกณฑ์การซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (trading rule) และหลักเกณฑ์การติดตามและตรวจสอบสภาพการซื้อขาย (market surveillance) ด้วย

ทั้งนี้ ก.ล.ต.ได้เผยแพร่เอกสารรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับร่างประกาศเกี่ยวกับการกำกับดูแล utility token พร้อมใช้ ไว้ที่เว็บไซต์ ก.ล.ต. https://www.sec.or.th/TH/Pages/PB_Detail.aspx?SECID=867 และระบบกลางทางกฎหมาย www.law.go.th

ผู้ที่เกี่ยวข้องและผู้สนใจสามารถแสดงความคิดเห็นได้ที่เว็บไซต์ หรือทาง e-mail : [email protected] [email protected] หรือ [email protected] จนถึงวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2566