Kbank คาดบาทแข็งทั้งปี ลุ้นนักท่องเที่ยวทะลัก 30 ล้านคนดันเศรษฐกิจโต

กอบสิทธิ์ ศิลปชัย
กอบสิทธิ์ ศิลปชัย

ธนาคารกสิกรไทย (Kbank) ประเมินกรอบเป้าหมายค่าเงินบาทปี’66 ที่ 33.50-34.50 บาทต่อดอลลาร์ และเตรียมพิจารณาปรับเป้าใหม่รับนักท่องเที่ยวทะลัก 30 ล้านคนหนุนเศรษฐกิจไทยคาด GDP โตแตะ 3.7%

วันที่ 27 มกราคม 2566 นายกอบสิทธิ์ ศิลปชัย ผู้บริหารงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ภาพรวมค่าเงินบาทตลอดทั้งปี 2566 จะอยู่ในฝั่งแข็งค่าตลอดทั้งปี และอาจมีผันผวนได้ในบางช่วง โดยปัจจัยที่จะส่งผลต่อค่าเงินบาทคือเรื่องของการท่องเที่ยวที่นักวิเคราะห์หลายสถาบันมองไปในทิศทางเดียวกันว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นจากการท่องเที่ยวที่จะกลับมา ซึ่งในปี 2565 ที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวเข้ามาแล้วกว่า 11 ล้านคน โดยในเดือนธ.ค.65 มีนักท่องเที่ยวเข้ามามากถึง 2.24 ล้านคน ถือว่าเยอะมากนอกจากนี้ดีมานด์ของการจองห้องพักตามโรงแรมก็เพิ่มขึ้นใกล้เคียงกับช่วงก่อนโควิด

อย่างไรก็ตามในจำนวนของนักท่องเที่ยวที่เข้ามานี้ยังมีสัดส่วนของนักท่องเที่ยวจีนที่ไม่เยอะ ฉะนั้นในปีนี้หลังจากจีนเปิดประเทศ คาดว่านักท่องเที่ยวจากจีนจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ เนื่องจากนักที่ยวจีนเป็น 1 ใน 3 ของจำนวนนักท่องเที่ยวนทั้งหมด โดยกสิกรไทยคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวในปี 2566 นี้อยู่ที่ 30 ล้านคน

นอกจากนี้จากภาคท่องเที่ยวที่คึกคักคาดหนุนเงินบัญชีเดินสะพัดกลับมามีสภาพคล่องเพิ่มขึ้น และหนุนให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้ดี โดยกสิกรไทยประเทศตัวเลข GDP ของไทยในปี 2566 เติบโตอยู่ที่ 3.7%

“ จากปัจจัยบวกคาดว่าจะทำให้เงินบาทอยู่ในทิศทางที่แข็งค่าตลอดทั้งปี โดยกสิกรไทยคาดการณ์กรอบเป้าหมายค่าเงินบาทในปี 2566 อยู่ที่ 33.50-34.50 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นคาดการณ์เดิมตั้งแต่ในช่วงพ.ย.65 ที่ผ่านมา ทั้งนี้ธนาคารกำลังพิจารณาปรับเป้าใหม่” นายกอบสิทธิ์ กล่าว

ในด้านของภาพรวมเศรษฐกิจโลกตลาดยังคงจับตาดูการดำเนินนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) ในการประชุมครั้งแรกของปี 2566 วันที่ 1 ก.พ.นี้ คาดว่าเฟดน่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งนี้ที่ 0.25% และปรับขึ้นอีกหนึ่งครั้งในการประชุมเดือนมี.ค.ที่ 0.25% ส่งผลให้ดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 4.75-5% หลังจากนั้นเฟดน่าจะเริ่มชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อดูแนวโน้มเศรษฐกิจก่อนที่จะดำเนินนโบบายการเงินต่อไป อย่างไรก็ตามตลาดรอดูสหรัฐฯรายงานตัวเลขเงินเฟ้อหากคงที่ไม่มีการปรับลดลงอาจส่งผลต่อการตัดสินในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้

ขณะที่ด้านนโยบายการเงินของไทย ทางธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ได้มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในรอบการประชุมครั้งล่าสุดที่ 0.25% ทั้งนี้คาดว่าธปท.จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ได้อีก 1-2 ครั้ง และปรับขึ้นครั้งละไม่เกิน 0.25% โดยปัจจุบันเงินเฟ้อของไทยยังอยู่เหนือกรอบเป้าหมายที่ 3% แต่ปีนี้คาดจะกลับมาอยู่ในกรอบหรืออยู่เหนือกรอบบนเล็กน้อยขณะที่ Output Gap หรือ ส่วนต่างระหว่างกำลังการผลิตที่เกิดขึ้นจริงที่ปัจจุบันอยู่ที่ 5% คาดว่าต้องใช้เวลาประมาณ 2-3 ปี เพื่อทำให้ส่วนต่างที่กว้างแคปลง

นายกอบสิทธิ์ กล่าวต่อว่า คาดว่าเศรษฐกิจโลกในปี 2566 จะชะลอตัวลงอีก และมีความชัดเจนมากขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา คาดว่าเศรษฐกิจโลกมีโอกาสเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย 48% สหรัฐฯ 65% และไทย 12-15% ฉะนั้นในปีนี้จึงมีมุมมองที่เป็นบวกต่อประเทศฝั่งเอเชียรวมถึงไทยด้วย