บลจ.อีสท์สปริง แนะจัดพอร์ตหุ้น 60% ชูหุ้นคุณค่า-จีนโดดเด่น

ดารบุษป์ ปภาพจน์
ดารบุษป์ ปภาพจน์

บลจ.อีสท์สปริง มองเศรษฐกิจ-การลงทุนปี 2566 ยังผันผวน แนะจัดพอร์ตลงทุนหุ้น 60% ชูหุ้นคุณค่า-ตลาดหุ้นจีน A-share โดดเด่น ด้านตราสารหนี้แนะถือ 40% ในตราสารหนี้ระยะสั้น

วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2566 นางสาวดารบุษป์ ปภาพจน์ กรรมการผู้จัด บริษัทหลักจัดการกองทุน อีสท์สปริง (ประเทศไทย) กล่าวว่า แนวโน้มเศรษฐกิจและการลงทุนในปี 2566 จะยังคงมีความผันผวนอยู่จากการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจนโยบายการเงินและการคลังและความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ โดยมองว่าเศรษฐกิจจีนและเอเชียในปีนี้จะมีอัตราการเติบโตได้ดีกว่าที่อื่นจากนโยบายการเปิดประเทศของจีนเมื่อต้นปีที่ผ่านมาและการผ่อนคลายมาตรการควบคุมกลุ่มเทคโนโลยี ในขณะที่สหรัฐและยุโรปเติบโตต่ำกว่า 1-1.5%

ส่วนเอเชียหลายประเทศได้รับประโยชน์จากการเปิดประเทศโดยเฉพาะการท่องเที่ยว เช่น สิงคโปร์ เวียดนามรวมทั้งไทย ในขณะที่อินเดียและอินโดนีเซียจะได้ประโยชน์จากการกระจายห่วงโซ่อุปทานเพื่อหนีการพึ่งพาจากจีน

ขณะนี้เราเริ่มเห็นการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีนในประเทศไทยเพิ่มขึ้นรวมถึงการเลือกตั้งที่จะมีในช่วงกลางปี ซึ่งโดยปกติตลาดหุ้นจะให้ผลตอบแทนได้ดีทั้งก่อนและหลังการเลือกตั้ง แต่ก็มองว่าการเลือกตั้งไม่ได้มีผลกระทบต่อตลาดหุ้นอย่างมีนัยยะสำคัญมากขนาดนั้น

สำหรับแนวทางการลงทุนของบลจ.อีสท์ปริงในปี 2566 นี้ จะเน้นการสร้างโอกาสระดับผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นจากการลงทุนที่หลากหลายโดยจะมีทีมการลงทุนทั้งในส่วนของกองทุนต่างประเทศและกองทุนในประเทศไทย สำหรับกองทุนต่างประเทศประกอบด้วย 1.หุ้นกลุ่ม defensive ทั้งหุ้นปันผล , หุ้นผันผวนต่ำรวมถึงหุ้นกลุ่มคุณภาพดีที่มีรายได้และกระแสเงินสดสม่ำเสมอ 2.เน้นลงทุนในภูมิภาคเอเชีย 3.ตราสารหนี้โลกคุณภาพดี และ 4. การลงทุนที่เน้นถึงความยั่งยืน (ESG)

ขณะที่กองทุนในประเทศไทยได้แก่ 1.หุ้นปันผลและหุ้นขนาดใหญ่ 2. หุ้นกู้เอกชนคุณภาพดีและพันธบัตรรัฐบาล และ 3.ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ของไทย (REITs) ที่ได้ประโยชน์จากการเปิดประเทศและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่เริ่มทรงตัวรวมถึงอัตราผลตอบแทน (Yield) และส่วนต่างอัตราผลตอบแทน (yield spread) อยู่ในระดับที่น่าสนใจราว 6.5%, 3.5% ตามลำดับ

ยิ่งยง เจียรวุฑฒิ
ยิ่งยง เจียรวุฑฒิ

ด้านนายยิ่งยง เจียรวุฑฒิ รองกรรมการผู้จัดการ สายการลงทุน บริษัทหลักจัดการกองทุน อีสท์สปริง (ประเทศไทย) กล่าวว่า สำหรับพอร์ตการลงทุนในปี 2566 นี้ แนะนำลงทุนในหุ้น 60% ตราสารหนี้ 40% โดยเน้นไปที่หุ้นต่างประเทศโดยเฉพาะกลุ่มที่เป็นหุ้นคุณค่า(Value) หรือหุ้นที่มีพื้นฐานดี อย่าง หุ้นอุปโภคบริโภค(Consumer) เป็นต้น รวมถึงตลาดหุ้นจีนจะชอบฝั่งหุ้นจีนที่เป็น A-share มากกว่าฝั่ง H-Share เพราะจะเกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจจีนโดยตรงและการที่จีนเปิดประเทศก็เป็นปัจจัยที่หนุนต่อเศรษฐกิจจีน

ขณะที่หุ้นสหรัฐฯยังแนะนำมีติดพอร์ตได้ เนื่องจากเศรษฐกิจถดถอยรับรู้ไปมากพอสมควรแล้ว ดังนั้นเรื่องเศรษฐกิจถดถอยหากเกิดขึ้นคงไม่รุนแรง เพราะถ้าดูจาก 2 ปัจจัยคือ 1.ราคาหุ้นสหรัฐฯตอนนี้ที่อยู่ในระดับกลาง ๆ ไม่ได้แพงมาก และ 2.หนี้ต่าง ๆของสหรัฐฯ ก็ไม่ได้อยู่ในระดับสูง เพราะฉะนั้นหากเกิดเศรษฐกิจถดถอยก็คงเจ็บไม่หนัก

ขณะที่ตลาดหุ้นไทยยังให้น้ำหนักเท่าเดิม คือยังลงทุนได้แต่อาจได้ผลตอบแทนต่อปีที่น้อยกว่าการลงทุนในต่างประเทศ เช่นตลาดหุ้นไทยอาจให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 2-4% ขณะที่ต่างประตูอาจให้ผลตอบแทนที่มากกว่านั้น ดังนั้นจึงแนะนำให้ลงทุนในหุ้นต่างประเทศเพื่อผลตอบแทนที่สูงกว่า

ทั้งนี้แนะนำลงทุนในตราสารหนี้ 40% เน้นไปที่ตราสารหนี้ระยะสั้นเป็นหลัก และให้ลดการถือเงินสดลง 10% ไปลงทุนในตลาดหุ้นเพิ่มเติม

และเพื่อเป็นหนึ่งในทางเลือกที่ดีในการลงทุน บลจ.อีสท์สปริง (ประเทศไทย) จึงร่วมกับ Eastspring Investments (Singapore) เปิดตัวกองทุนเปิด Eastspring Global Low Volatility Equity (ES-LOVE) ที่เน้นลงทุนในหุ้นโลกโดยมีจุดประสงค์เพื่อให้พอร์ตโดยรวมมีความผันผวนต่ำ ซึ่งจะช่วยป้องกันความเสี่ยงในช่วงตลาดขาลง พร้อมสร้างผลตอบแทนที่ดีเมื่อตลาดปรับตัวเป็นขาขึ้น ซึ่งคาดว่าจะเสนอขายนักลงทุนที่สนใจระหว่างวันที่ 14-20 กุมภาพันธ์ 2566 มูลค่า 5,000 ล้านบาท