จัดพอร์ตหุ้น รับกระแส “เลือกตั้ง”

หุ้น เลือกตั้ง
คอลัมน์ : เติมความคิดพิชิตการลงทุน
ผู้เขียน : เอกภาวิน สุนทราภิชาติ บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด

สวัสดีครับท่านนักลงทุน คอลัมน์ฉบับนี้ ผมขออิงกระแสการเมืองที่เริ่มเข้มข้นขึ้น เนื่องจากใกล้เข้าสู่วันเลือกตั้ง โดยตามที่กำหนดไว้ของ กกต. จะเป็นวันที่ 7 พ.ค. ซึ่งเหลืออีก 2 เดือน และคาดว่านายกรัฐมนตรีจะประกาศยุบสภาภายในเดือน มี.ค.นี้

ก่อนจัดพอร์ตหุ้นรับกระแสเลือกตั้ง ผมขออิงสถิติในอดีตตั้งแต่ปี 2538-2562 พบว่า ตลาดหุ้นไทย หรือ SET มักให้ผลตอบแทนเป็นบวกเฉลี่ยประมาณ 3.6% ก่อนการเลือกตั้ง 3 เดือน และผลตอบแทนเป็นบวกเฉลี่ยประมาณ 2.4% ก่อนการเลือกตั้ง 2 เดือน

ดังนั้น เรามาวิเคราะห์ภาพตลาดกันก่อน โดยหลัง SET ปรับลงตลอดทั้งเดือน ก.พ. เนื่องจากขาดแรงขับเคลื่อน และไร้ปัจจัยหนุนใหม่ รวมถึงมีปัจจัยกดดันมาจากการประกาศผลประกอบการ 4Q65 ของ real sector ส่วนใหญ่มีแนวโน้มไม่สดใสนัก นำไปสู่การปรับลดประมาณการกำไรของปี 2565 และปี 2566

นอกจากนี้ ความกังวลทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐ ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ทำให้กระแสเงินไหลออกรุนแรงขึ้น ส่งผลให้ดัชนีปรับฐานลงมาทำจุดต่ำสุดในรอบกว่า 2 เดือน

ด้านนักลงทุนต่างชาติในเดือน ก.พ. สลับมาขายสุทธิกว่า 2 หมื่นล้านบาท จากเดือนก่อนหน้าที่ซื้อสุทธิ 1.8 หมื่นล้านบาท กดดัน SET ตลอดทั้งเดือน ก.พ. อย่างไรก็ตาม แนวโน้ม SET ในเดือน มี.ค. ผมมองว่าดัชนีมีโอกาสฟื้นตัวได้ ซึ่งคาดว่าปัจจุบันดัชนีลงมาสะท้อนความกังวลธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ขึ้นดอกเบี้ยต่อมามากแล้ว โดยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมาแข็งแกร่งในช่วงนี้ ส่งผลให้ตลาดให้น้ำหนักมากขึ้นว่า ในการประชุมเฟดวันที่ 21-22 มี.ค. เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในอัตรา 0.50%

ขณะที่มองปัจจัยภายในประเทศ มีปัจจัยบวกจากบรรยากาศการเลือกตั้ง ซึ่งตามสถิติ SET มักปรับตัวขึ้นได้ก่อนการเลือกตั้ง 1-3 เดือน ตามข้อมูลข้างต้น ช่วยให้ดัชนีฟื้นตัว โดยมองกรอบบนอยู่ที่แนวต้าน 1,660-1,680 จุด ส่วนกรอบล่างที่คาดว่า ดัชนีมี downside จำกัด บริเวณ 1,600 จุด

ส่วนในภาพระยะกลาง ยังคงมองว่าแนวโน้มของ SET ในครึ่งแรกของปีนี้ มีโอกาสขึ้นไปยืนเหนือระดับ 1,700 จุดได้ จากความโดดเด่นการเติบโตของเศรษฐกิจ โดยมีภาคการบริโภคและการท่องเที่ยวเป็นปัจจัยหลักผลักดัน

ดังนั้นการปรับฐาน SET ในช่วงนี้ จึงเป็นโอกาสในการทยอยซื้อสะสม และเนื่องจากใกล้ช่วงเลือกตั้ง ผมจึงแนะนำจัดพอร์ตหุ้นที่ราคามักปรับตัวขึ้นได้ก่อนการเลือกตั้ง โดยอิงจากสถิติย้อนหลังปี 2538-2562 พบว่า กลุ่มอุตสาหกรรมที่มักปรับตัวขึ้นได้ มีดังนี้ครับ

1) กลุ่มสื่อ +3.6% ก่อน 3 เดือน และ +2.36% ก่อน 1 เดือน

2) กลุ่มอาหาร +4.7% ก่อน 3 เดือน และ +0.89% ก่อน 1 เดือน

3) กลุ่มการเงิน +3.7% ก่อน 3 เดือน และ +4.2% ก่อน 1 เดือน

4) กลุ่มพลังงานและสาธารณูปโภค +3.2% ก่อน 3 เดือน และ +1.35% ก่อน 1 เดือน

5) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง +2.7% ก่อน 3 เดือน และ +0.2% ก่อน 1 เดือน

6) กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ +2.6% ก่อน 3 เดือน และ +2.0% ก่อน 1 เดือน

7) กลุ่มท่องเที่ยว +2.5% ก่อน 3 เดือน และ +2.7% ก่อน 1 เดือน

8) กลุ่มสื่อสาร +2.3% ก่อน 3 เดือน และ +2.3% ก่อน 1 เดือน

และ 9) กลุ่มธนาคาร +2.3% ก่อน 3 เดือน และ +2.5% ก่อน 1 เดือน

ส่วนการจัดพอร์ต ผมจะเลือกหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมที่มักปรับตัวขึ้นก่อนการเลือกตั้งเป็นตัวแทนกลุ่มละ 1-2 ตัว มาจัดพอร์ตได้ดังนี้ครับ กลุ่มสื่อ เลือก BEC และ MAJOR, กลุ่มอาหาร เลือก MINT, กลุ่มพลังงานและสาธารณูปโภค เลือก GULF และ GPSC, กลุ่มรับเหมาฯ เลือก STEC, กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ เลือก KCE, กลุ่มสื่อสาร เลือก ADVANC และ กลุ่มธนาคารเลือก BBL และ KTB และนี่คือ หุ้นที่ผมเลือกมาจัดพอร์ตรับกระแสเลือกตั้งไว้เป็นแนวทางให้กับนักลงทุนครับ

…แล้วพบกันใหม่ในคอลัมน์ฉบับหน้า ด้วยรักและหวังดี